วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตัวอย่างการวิจารณ์งานวรรณกรรม

การศึกษาบทบาทนางละเวงวัณฬา จากวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี

วรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีเป็นเรื่องที่สนุกสนานและมีตัวละครมากมายแต่ตัวละครเด่นที่สมควรนำมาวิจารณ์ด้วยทฤษฎีสตรีนิยมนี้เราเห็นว่านางละเวงเหมาะสมที่สุดเพราะจากการที่ได้ศึกษาประวัติของนางละเวงทำให้ได้เห็นว่านางเป็นสตรีที่มีบทบาทแตกต่างกับตัวละครหญิงอื่นๆในพระอภัยมณี เพราะสุนทรภู่เขียนภาพลักษณ์ของนางละเวงไม่ให้เป็นกุลสตรีที่ละเมียดละไมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนในวัง หรืออยู่ในภาพตกใจง่าย เป็นหญิงสาวอ่อนหวานและอ่อนไหวแบบขี้ขลาด ขี้กลัว เหมือนตัวละครหญิงคนอื่น แต่นางละเวงถูกเขียนให้เป็นผู้หญิงกล้าหาญ ฉลาด เจ้าเล่ห์ สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆได้ รวมทั้งมีฝีมือในการรบทัพจับศึก ตัดสินใจเด็ดขาด และมีมานะในการเรียนรู้ นางจึงได้ครองเมืองลังกาขณะมีอายุเพียง16ปี แต่นางก็มีขัตติยะมานะที่จะเป็นกษัตริย์ และนางก็สามารถปกครองบ้านเมืองได้ดีไม่แพ้ผู้ชายนางละเวงจึงเป็นตัวละครที่สมควรนำมายกตัวอย่างการวิจารณ์ในครั้งนี้
นางละเวงวัณฬา
                โครงเรื่องใหญ่ของนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีคือสงครามระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกา ด้วยเหตุที่นางละเวงต้องการแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชายที่ตายเพราะฝีมือของฝ่ายเมืองผลึก แต่เหตุขัดแย้งที่ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเร้าใจมากยิ่งขึ้น ก็คือนางละเวงและพระอภัยมณีต่างรักกัน ความขัดแย้งนี้ไม่ใช่ของใหม่นัก ความรักระหว่างพระเพื่อนพระแพงและพระลอก็แสดงความขัดแย้งเช่นนี้ แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากลวิธีนี้เป็นที่นิยมกันเป็นสากล เมื่อศัตรูเกิดรักกัน ตัวละครจึงเกิดความขัดแย้งในใจ ฝ่ายลังกาใช้มนตร์ดึงตัวละครชายเมืองผลึก ทั้งพระอภัย ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาครมาคู่ครองกับตัวละครหญิงเมืองลังกา ได้แก่นางละเวง นางยุพาผกา นางสุรารีวัน นางรำภาสะหรี ผู้หญิงเมืองผลึกซึ่งได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางเกษรา นางเสาวคนธ์ จึงร่วมมือกับญาติพี่น้องอื่นๆ ทำศึกเพื่อชิงตัวสามีและคนรักคืนการศึกจบลงด้วยการที่ฤาษีเกาะแก้วพิสดารไกล่เกลี่ยให้ทุกคนรักใคร่ให้อภัยกัน ในตอนท้ายเรื่องมีศึกระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกาอีกครั้ง เมื่อมังคลาลูกนางละเวงและพระอภัยมณีร่วมมือกับวรายุดา วายุพัฒน์ หัสกัน ลูกศรีสุวรรณ สินสมุทร และสุดสาครที่เกิดกับมเหสีฝ่ายเมืองลังกาชิงโคตรเพชรจากเมืองการะเวกและจับตัวนางสุวรรณมาลีและธิดาแฝดไปขังไว้ ศึกครั้งหลังจึงเป็นการสู้รบระหว่างพ่อ แม่ และลูกๆ ของตน
                จะเห็นได้ว่าแม้เรื่องราวจะเกี่ยวพันกับพระอภัยมณีเป็นส่วนใหญ่ จนกล่าวได้ว่าตัวพระอภัยมณีเป็นเสมือนด้ายที่ร้อยเอาตัวละครอื่นๆ และพฤติกรรมทั้งหลายในเรื่องไว้ด้วยกัน เพราะตัวละครทุกตัวและเหตุการณ์แทบทุกเหตุการณ์จะต้องผูกพันเกี่ยวเนื่องกับตัวละครนี้ทั้งสิ้น แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระอภัยล้วนมาจากการกระทำของตัวละครหญิง และเป็นเรื่องราวที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่นางผีเสื้อสมุทรจับตัวพระอภัยไปอยู่กินด้วยกันจนมีลูกคือสินสมุทร นางเงือกช่วยพาพระอภัยมณีหนีมาได้ นางวาลีช่วยให้พระอภัยได้อภิเษกกับนางสุวรรณมาลี สงครามระหว่างเมืองผลึกและเมืองลังกามีมูลเหตุจากนางวาลีทำให้เจ้าลังกาและอุศเรนเสียชีวิต  นางละเวงจึงทำศึกแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชาย ในการทำสงคราม ตัวละครหญิงแทบทุกตัวมีบทบาทในการต่อสู้ทำสงครามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวละครชาย มีความสามารถในการบัญชาการรบและการใช้อาวุธต่างๆ ในการสู้รบโดยยังอยู่ในร่างผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องแปลงร่างเป็นชายเหมือนอย่างวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ เพียงแต่แต่งตัวรัดกุมสะดวกในการต่อสู้ ไม่เพียงแต่ตัวละครเอกเท่านั้นแม้ทหารทั่วไปก็ใช้ทหารหญิง เช่น นางละเวงฝึกหัดผู้หญิงเป็นทหารรักษาพระองค์ถึง 3,000 คน ตัวละครหญิงฝ่ายเมืองผลึกก็เป็นแม่ทัพทั้งสิ้น ได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางวาลี นางเสาวคนธ์ และมีชื่อเสียงเลื่องลือว่า “หญิงผลึกศึกกล้าเสียกว่าชาย” ตัวละครหญิงในวรรณคดีเรื่องนี้จึงเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์ มีบทบาทเท่าเทียมฝ่ายชาย และมีอิทธิพลเหนือตัวละครฝ่ายชายอย่างเห็นได้เด่นชัด
                อย่างไรก็ตาม ตัวละครหญิงในนิทานคำกลอนเรื่องนี้ยังมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับนางเอกในวรรณคดีไทยทั่วไป คือ มีความจงรักภักดีต่อสามีอย่างยิ่ง แม้ว่าก่อนการอภิเษกทุกคนล้วนใจเด็ด ตัดรอนฝ่ายชายอย่างไม่แยแส เช่น นางสุวรรณมาลีหนีพระอภัยไปบวช นางเสาวคนธ์หนีสุดสาครไปเมืองวาหุโลมแปลงเพศเป็นฤาษี นางอรุณรัศมีไม่ยอมเข้าหอกับสินสมุทร นางละเวงไม่ยอมเป็นเมียพระอภัยจนพระอภัยทำอุบายผูกคอตาย เป็นต้น แต่หลังจากเป็นชายาแล้ว ตัวละครหญิงเหล่านี้ต่างรักใครภักดีสามี นางสุวรรณมาลียกทัพตามมาทำศึก แม้จะต้องฟังพระอภัยซึ่งถูกเสน่ห์กล่าววาจาตัดรอนอย่างเชือดเฉือนใจจนสลบไปหลายครั้ง นางก็ยังอดทน มุมานะ ทำศึกชิงพระอภัยคืนให้ได้ตัวละครหญิงเกือบทุกตัว ยกเว้นนางเกษราจึงเป็นตัวของตัวเอง มีพฤติกรรมตามบุคลิกลักษณะของตนและมีบทบาทต่อการดำเนินเรื่องทั้งสิ้นในบรรดาตัวละครหญิงเหล่านี้ ผู้เขียนเลือกศึกษานางละเวงวัณฬาเป็นพิเศษกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ เพราะการที่นางได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกาแทนพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้นางต้องรับภาระหน้าที่ในการรักษาเกียรติยศของชาติตระกูลโดยตัดสินใจทำสงครามทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิง บทบาทและพฤติกรรมนางละเวงจึงเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินเรื่อง
                นางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีจุดเด่นกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ หลายประการ ได้แก่ด้านสถานะทางสังคม นางละเวงอยู่ในฐานะเป็นกษัตริย์ผู้หญิงมิใช่เป็นเพียงพระมเหสี ในด้านรูปร่างหน้าตา นางละเวงมีชื่อเสียงในด้านความงามไม่แพ้ตัวละครหญิงในวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ ดังมีคำกล่าวชมความงามของผู้หญิงว่า “รูปร่างอย่างนางละเวง” ในเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่กล่าวชมความงามของนางละเวงมากกว่าตัวละครหญิงเรื่องอื่นๆ เพราะความงามของนางมีส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง เรื่องนางจะทำสงครามกับเมืองผลึกซึ่งเป็นเมืองใหญ่ นางต้องการกำลังสนับสนุน จึงให้วาดรูปส่งไปยังเมืองต่างๆ เชิญชวนให้ร่วมทำสงครามซึ่งจะได้อภิเษกกับนางเป็นบำเหน็จรางวัล รูปเสน่ห์ของนางจึงมีผลทำให้ผู้พบเห็นเกิดความลุ่มหลง สุนทรภู่น่าจะได้ความคิดเรื่องราวการวาดรูปมาจากบทละครเรื่องอิเหนา แต่รูปของนางละเวงเป็นรูปเสน่ห์ด้วย จึงทำให้เจ้าละมานหลงใหลรูปวาดและเมื่อพบตัวจริงก็ถึงกับตะลึงหลงกล่าวชมความงามของนางว่า
เห็นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช                     สถิตอาสน์อำไพวิไลโฉม
ดังดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม                                                งามประโลมลืมองค์หลงตะลึง
เหมือนรูปร่างช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด                                                ทศทิศธาตรีไม่มีถึง
พระกรอ่อนละม่อมเหมือนกล่อมกลึง                                            นิ้วดั่งหนึ่งลำเทียนเจียนประจง
พระโอษฐ์บางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม                                                            ดูไม่อิ่มอกใจให้ใหลหลง
                สินสมุทรเมื่อเห็นนางครั้งแรกก็ยังชมนางว่า “กำดัดงามทรามสงวนนวลละออง ดูผุดผ่องพิศไปใจรัญจวน” เมื่อต่อสู้กันสินสมุทรคิดจะจับเป็นเพราะเอ็นดูว่าเป็นผู้หญิงและเห็นว่า “งามจริงจริงจิตใจให้ไหวหวาม จะฆ่านางวางวายเสียดายงาม”
                ส่วนพระอภัยซึ่งหลงรูปเสน่ห์ของนางมาก่อน เมื่อเห็นตัวจริงครั้งแรกในสนามรบ ก็นึกรัก พระอภัยชมโฉมนางอย่างคลั่งไคล้ว่า
                                                                                                                พอสบเนตรทรามสงวนนวลหง
สวาทหวังคลั่งคลุ้มใคร่อุ้มองค์                         ตะลึงหลงแลเปล่งดั่งเพ็ญจันทร์
จะพิศไหนให้เห็นเหมือนเช่นรัก                    วิไลลักษณ์ล้ำสุรางค์นางสวรรค์
ขนงเนตรเกศแก้มแต้มอำพัน                           เหมือนลูกจันทร์แจ่มผ่องละอองนวล
               
                เมื่อนางละเวงพาพระอภัยไปเมืองลังกาโดยซ่อนตัวอยู่ท้ายรถ พระอภัยต้องแอบดูนางผ่านกระจก โดยอาศัยเพียงแสงจันทร์กระจ่างในเดือนหงาย พระอภัยชมความงามของนางไว้ว่า
สำอางอ่อนกรเกยเขนยหนุน            งามละมุนละม่อมล้วนนวลหง
แต่เสื้อหุ้มพุ่มพวงก็ทรวงทรง                           เห็นแต่องค์พระวิลาวเพียงบาดตา
พระปรางค์ดังปรางทองดูผ่องพวง                  เปล่งดังดวงจันทร์เพ็งเปล่งเวหา
เป็นน้ำนวลช่วนชื่นรื่นวิญญาณ์                       สุดนาสาเสียวทรวงให้ง่วงงง
               
                จะเห็นได้ว่าหลังจากพบนางละเวงแล้ว พระอภัยมณีคลั่งไคล้ไหลหลงนางละเวงมากและยาวนานจนเป็นเหตุของการรบที่ยืดเยื้อ การลุ่มหลงจึงเป็นการหลงรูปโฉมที่แท้จริง ไม่ใช่หลงด้วยอำนาจรูปเสน่ห์ เพราะสุดสาครทำลายรูปเสน่ห์ไปแล้ว และการที่กวีอ้างถึง “เสกสุคนธ์ปนยาแก้วตามนุษย์” ก็เป็นการอาศัยอำนาจไสยศาสตร์ลึกลับมาเป็นข้ออ้างของการประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ของตัวละครฝ่ายชายนั่นเอง กลวิธีเช่นนี้นิยมใช้ในการดำเนินเรื่องของวรรณคดีไทยโดยทั่วไป สินสมุทรรู้ใจพ่อของตนเองดีว่ามีลักษณะนิสัยหลงใหลในหญิงงาม หรืออาจกล่าวได้ว่าสินสมุทรรู้ใจผู้ชายทุกคน เพราะสินสมุทรก็หลงความงามของนางละเวงมาแล้ว แต่คิดว่า “พี่สาวใหญ่เพียงแต่ดูไม่คู่ควร” ฉะนั้นเมื่อพระอภัยจะออกไปรบกับนางละเวง สินสมุทรจึงเตือนพ่อไว้ว่า
                                                                                                                                การโลกีย์พระก็รู้อยู่แต่ไร
                                แม้นขึ้นรบผู้หญิงชาวสิงหล                                             อย่าแปดปนทำเป็นมิตรพิสมัย
                                จะนัวเนียเสียการรำคาญใจ                                                ใครเห็นให้ฆ่าฟันเสียทันที
                ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือนางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีความงามกดดันทางจิตใจสูงกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ นางสุวรรณมาลี นางเสาวคนธ์ นางอรุณรัศมี เป็นตัวละครหญิงที่มีความขัดแย้งในใจด้วยเหตุผิดใจหึงหวงคนรักของตน ความแค้นใจของนางสุวรรณมาลีเริ่มจากพระอภัยไม่กล้ายืนยันกับอุศเรนว่ารักนาง หลังจากเสร็จศึกกับอุศเรนแล้ว นางจึงหนีไปบวชเพื่อหลีกเลี่ยงการอภิเษก นางวาลีจึงต้องช่วยพระอภัยแก้ปัญหาได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีเหตุหึงหวงนางละเวงจนทำศึกยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน นางอรุณรัศมีโกรธสินสมุทรที่ไปหลงนางยุพาผกา จุงกรีดเลือดทำสัตย์สาบานกับนางเสาวคนธ์ว่าชาตินี้ไม่ขอมีคู่ครองเลย นางจึงไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกกับสินสมุทรจนถูกพ่อแม่ตายายบังคับ เมื่ออภิเษกแล้วก็ไม่ยอมเข้าหอจนนางสุวรรณมาลีต้องสอนอุบายให้สินสมุทรเอาชนะใจนางอรุณรัศมีได้สำเร็จ ส่วนนางเสาวคนธ์ผูกใจเจ็บสุดสาครตั้งแต่นางสุลาลีวันลอบพาตัวสุดสาครไปแล้วปลอมลายมือสุดสาครเขียนสารด่าว่าตัดรอนนางเอาไว้ นางเสาวคนธ์เก็บจดหมายนี้ไว้กับตัวเป็นเครื่องเตือนใจและไม่เคยปริปากบอใครเลย  จนกระทั่งเสร็จศึก พ่อแม่จัดการให้อภิเษกกับสุดสาคร นางหนีไปพร้อมกับทิ้งศาลนั้นไว้คนทั้งหลายจึงเข้าใจเหตุผล สุดสาครต้องติดตามหานางและใช้เวลายาวนานกว่าจะง้องอนให้นางคืนดี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดกับตัวละครหญิงเหล่านี้ เป็นความขัดแย้งด้วยปัญหาส่วนตัว แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับนางละเวงเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอารมณ์ส่วนตัวกับพันธะหน้าที่ ความรักพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรูทำให้นางละแวงเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจตลอดเวลา นางจึงรับศึกหนักกว่าผู้อื่น คือศึกสงครามภายนอกที่นางเป็นผู้บัญชาการรบ และศึกในใจที่นางต้องข่มความหวั่นไหวด้วยความอดทน นางละเวงจึงเป็นตัวละครที่น่าศึกษา เพราะนางไม่ใช่ตัวละครที่สุนทรภู่สร้างขึ้นเพื่อดำเนินเหตุการณ์เพียงตอนใดตอนหนึ่ง แต่นางมีบทบาทและพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นและเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องเข้าด้วยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล นางเป็นน้องสาวของอุศเรน ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลี เมื่อพ่อและพี่ชยเสียชีวิตด้วยน้ำมือคนเมืองผลึก นางจึงทำสงครามกับคนเมืองผลึกเป็นการแก้แค้น ความรักพระอภัยและความต้องการแก้แค้นผู้หญิงเมืองผลึกจึงทำให้นางใช้เสน่ห์ผู้หญิงลวงกษัตริย์เมืองผลึกทุกคนยกเว้นหัสไชยมาอยู่ที่เมืองลังกา ตอนที่นางแอบพาพระอภัยเข้าวังเป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจของนางอย่างชัดเจนตอนหนึ่ง ระหว่างความรักพระอภัยกับความอายที่ทำผิดจารีตจึงต้องปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ความจริง ในตอนท้ายเรื่องเมื่อทำสงครามกับมังคลาลูกของตนเองก็เป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจนางระหว่างความรักลูกกับการลงโทษลูกเพื่อแก้ปัญหาที่ลูกทำให้ผู้อื่นเดอดร้อนละเป็นทุกข์
                ลักษณะเด่นประการสุดท้ายของนางละเวงคือ ในแง่โครงเรื่องนางละเวงเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์กับตัวละครอื่นๆ ในฐานะที่เป็นคู่สงครามกับเมืองผลึก แต่ถึงแม้จะเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์ สุนทรภู่ก็มิได้แสดงว่านางเป็นตัวละครที่ชั่วร้าย การก่อสงครามเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความจำเป็นตามที่กล่าวมาแล้ว การช่วงชิงพระอภัยมณีจากนางสุวรรณมาลีก็เป็นภาวะที่บีบคั้นความรู้สึก แต่เพราะความเป็นกลศึกที่จะเอาชนะศัตรู อย่างหนึ่งกับเพราหลงรักพระอภัยมณีอีกอย่างหนึ่งทำให้นางละเวงเลือกทำเช่นนั้น บทบาทและพฤติกรรมของนางละเวงจึงสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของนาง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นลักษณะนิสัยของตัวละครผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของนิทานคำกลอนเรื่องนี้ทุกตัว ดังจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและบทบาทของพฤติกรรมตัวละครนี้โดยละเอียด ดังนี้
1.              ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี
                นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาของพระอภัยมณีอีกผู้หนึ่ง นางเป็นธิดาของเจ้าเมืองลังกาและเป็นน้องสาวของอุศเรนคู่หมั้นของสุวรรณมาลี ภายหลังจากพ่อและพี่ตายเพราะแพ้สงครามกับเมืองผลึกของพระอภัยมณีกับสุวรรณมาลี นางจึงต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกา ตั้งแต่อายุ 16 ปี ละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีรูปโฉมงดงามยิ่ง แม้แต่รูปวาดของนางก็ยังทำให้พระอภัยมณีหลงใหลถึงกับพร่ำเพ้อ ต่อมาเกิดสงครามกับเมืองผลึกอันสืบเนื่องมาจากความแค้น และด้วยการยุยงของสังฆราชให้นางแก้แค้นให้กับบิดาและพี่ชาย ครั้นเมื่อพบกับพระอภัยมณีในสนามรบ ต่างก็มีจิตผูกพันรักใคร่ต่อกัน ต่อมานางได้เป็นชายาของพระอภัยมณีและมีลูกชื่อ มังคลา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
                ความซื่อสัตย์ต่อสามี
                ในฐานะภรรยา นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาที่รักและซื่อสัตย์ต่อสามี ถึงแม้ว่าพระอภัยมณีจะเป็นศัตรู แต่เมื่อนางเป็นภรรยาก็เคารพยกย่องให้เกียรติสามี แม้จะห่างเหินกันไปเป็นเวลานาน นางก็ยังคงซื่อสัตย์ และเคารพยกย่องต่อพระอภัยมณีเสมอ ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พระอภัยมณีเข้าเมืองลังกา เมื่อปราบมังคลาที่ก่อความวุ่นวายสั่งให้คนไปจับคุมตัว นางสุวรรณมาลี นางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดา และท้าวทศวงศ์มาคุมขังไว้ที่ด่านดงตาล จึงเกิดสงครามขึ้นเมื่อฝ่ายลังกาพ่ายแพ้มังคลาหนีไป พระอภัยมณีจึงได้พบกับนางละเวงวัณฬา และนางได้แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อสามี ดังความว่า
นางเคารพนบนอบตอบสนอง                          พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา
ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา                                  ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย
แต่ห่างเหินเนิ่นนานหม่อมฉานเล่า                                มีลูกเต้ามัวหมองไม่ผ่องใส
เคยชิดชมขมหวานประการใด                          มิใช่ไม่เคยเห็นจงเอ็นดู
สิบแปดปีนี่แล้วแต่เป็นม่าย                               จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู
มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู                 คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น
เมื่อรุ่นสาวคราวพบต้องรบผัว                          ครั้นแก่ตัวรบกับลูกถูกแต่เข็ญ
แสนอาภัพรับแต่ร้อนไม่หย่อนเย็น                 พระก็เห็นก็รู้อยู่ด้วยกัน
แม้ใช้งานการอื่นไม่ขืนขัด                                จะซื่อสัตย์สุจริตไม่ผิดผัน
โปรดปล่อยปละละวางที่อย่างนั้น                    กระหม่อมฉันหลาบเข็ดจงเมตตา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:921-922)
                ต่อมาเมื่อพระอภัยมณีตัดสินใจออกบวช นางละเวงวัณฬาก็ตัดสินใจบวชเพื่อตามไปปรนนิบัติสามี ด้วยความจงรักภักดีพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ดังความว่า ต่างทูลว่าข้าขอรับบรรพชิต พอเป็นศิษย์สามิภักดิ์สมัครหมาย” (พระอภัยมณี. 2529:934) พระอภัยมณีจึงทำพิธีบวชให้ ดังความว่า
ฝ่ายสองนางต่างบังคมด้วยสมนึก                    ลงมาตึกเตียงทองเข้าห้องสรง
ต่างชำระสระสนานสำราญองค์                       แล้วก็ทรงเครื่องพรตดาบสินี
ชฎากลีบจีบจัดฉวัดเฉวียน                 ล้วนขาวเขียนลายทองผุดผ่องศรี
ประคำพลอยห้อยพระศอจรลี                           ไปนั่งที่แท่นสุวรรณริมบัลลังก์
ดาบสพระอภัยให้ศีลห้า                                     ว่านำหน้านางชีว่าทีหลัง
จนจบปัญจสีลาสิกขาปทัง                  สองนางนั่งกราบงามลงสามที
แล้วนั่งเคียงเรียงกันเป็นหลั่นลด                     รักษาพรตงดงามสามฤาษี
จอมกษัตริย์ถาถามตามบาลี                               นางก็รับสัพพีด้วยปรีดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:935)
2.              ความมีสติปัญญา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีสติปัญญา เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
-              ความฉลาดในการผูกใจคน
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดในการผูกใจคน เห็นได้จากการที่นางให้ความเคารพต่อพระสังฆราชอยู่เสมอ แม้ภายหลังนางจะมีความคิดเห็นต่างออกไป และไม่พอใจพระสังฆราชหลายประการ แต่นางก็สามารถผูกใจพระสังฆราชให้อยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ทั้งนี่เพราะนางยกย่องพระสังฆราชให้เป็นอาจารย์ และเป็นที่ปรึกษาราชการ และเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเห็นจากตอนที่นางละเวงวัณฬาขึ้นปกครองเมืองลังกาใหม่ๆ ก็ไม่ได้ถือว่าองค์เป็นกษัตริย์ และขอคำปรึกษาจากพระสังฆราช ดังความว่า
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่ากว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
ซึ่งทิ้งตราราหูเรียนรู้หญิง                                  ทั้งสองสิ่งสุดจะแปลจะแก้ไข
พระโปรดด้วยช่วยแสดงให้แจ้งใจ                   แต่พอให้แก้แค้นแทนบิดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                ในการที่นางละเวงวัณฬาแต่งตั้งให้นางรำภาสะหรี เป็นนายด่านแทนบิดาซึ่งเสียชีวิตในสงคราม และให้การยกย่องเป็นเหมือนพี่น้องกับตน ทำให้นางรำภาสะหรีมีความเคารพรักและจงรักภักดีต่อนางตลอดมา แสดงให้เห็นว่า นางละเวงวัณฬามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดรู้จักผูกใจคน ดังความว่า

                                ฝ่ายโฉฒยงองค์ละเวงวัณฬาราช                      แสนฉลาดล้ำหญิงในสิงหล
                                จึงเสแสร้งแกล้งตรัสให้จัดพล                          คอยประจญประจัญรอบขอบเวียงชัย
                                แล้วพิศพักตร์ลักษณารำภาสะหรี                     ดังสำลีลำยองดูผ่องใส
                                รู้รบศึกฝึกฝนทำกลไก                                        จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เป็นไมตรี    
                                จึงให้หามาใกล้ปราศรัยปลอบ                          เจ้าทำชอบช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี
                                จะรักใครกันให้เหมือนเพื่อนชีวี                      นึกว่าพี่น้องกันจนวันตาย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:438)
-              ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนางละเวงวัณฬาเห็นได้จากตอนที่นางละเวงวัณฬาต่อสู้กับพระอภัยมณีในสนามรบ เมื่อพระอภัยมณีเห็นหน้านางละเวงอย่างใกล้ชิดก็หลงรัก จึงยุติการต่อสู้ เปลี่ยนมาใช้คารมเกี้ยวนางละเวงวัณฬาแทน แต่นางควบม้าหนี พระอภัยมณีจึงใช้เพลงปี่เรียกนางให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความมีสติปัญญานางจึงคิดด้วยเหตุและผล ตลอดจนความสำนึกในหน้าที่ นางจึงตัดสินใจควบม้าหนี เพราะนางทราบดีว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปอาจจะใจอ่อนต่อคารมของพระอภัยมณี แสดงให้เห็นว่านางละเวงวัณฬามีสติ และรู้จักใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จนสามารเอาตัวรอดได้ ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดเฉลียวเมื่อฝ่ายลังกาตกเป็นรองฝ่ายผลึก นางก็วางแผนให้พระอภัยมณีซึ่งหลงเสน่ห์นางมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน
                                แต่ครั้งนี้มีอุบายให้ตายจิต                                  ก็สุดคิดขัดสนจนหนักหนา
                                จะรบรับสัประยุทธ์สุดปัญญา                           จึงทำกล้าแกล้งถามตามทำนอง
                                ท่านนี้หรือชื่ออภัยจะใคร่รู้                                ที่ชิงคู่ไปชมประสมสอง
                                พระเชษฐาปรานีเหมือนพี่น้อง                        ยังขัดข้องคิดทำลายให้วายชนม์
                                แล้วมิหนำซ้ำตามข้ามสมุทร                             มายงยุทธ์กับผู้หญิงถึงสิงหล
                                ครั้นหักโหมโจมจับไม่อับจน                           กลับแต่งกลเกี้ยวพานด้วยมารยา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างชมพูต่อสู้รบ                          หรือจึงคบคิดรักกันหนักหนา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเมืองลังกา                       จะเมตตาเพราะมีไมตรีกัน
                                ประการหนึ่งซึ่งกษัตริย์กำจัดทัพ                      แม้นคนหลับแล้วไม่ฆ่าให้อาสัญ
                                ย่อมรบสู้ดูดีตีประจัญ                                          เออเช่นนั้นหรือจะลือว่าชื่อชาย
                                นี่พระองค์ทรงศักดิ์รักแต่ทรัพย์                        ทำให้หลับแล้วก็ริบให้ฉิบหาย
                                จะผูกมิตรชิดเชื้อให้เหลืออาย                           ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:395)
3.              ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
                นางละเวงวัณฬา มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทั้งเรื่องความรักและเรื่องการปกครองบ้านเมือง พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนาง เห็นได้ชัดเจนในตอนที่พบกับพระอภัยมณีในสนามรบ นางก็หลงรักแต่ด้วยความเป็นกษัตริย์ จึงตัดใจไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรู จึงควบม้าหนีไป แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬา ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                ความเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬาในเรื่องของความรัก เห็นได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อนางได้วางแผนพาพระอภัยมณีเข้ามาอยู่ในวังด้วยอุบายทางการศึก แม้ว่าพระอภัยมณีจะพูดจาฝากรักอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ยอมให้พระอภัยมณีล่วงเกิน แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวไปกับถ้อยคำเกี้ยวพาราสี และหาทางเลี่ยงหลบไปได้ ดังความว่า
                                พระว่าพลางกางกรประคองกอด                     เยาวยอดข่วนหยิกผลักพลิกผัน
                                นางว่าพระจะมารุกทำบุกบัน                            เถิดเช่นนั้นแล้วก็ลึกอย่านึกเลย
                                น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ                ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย
                                จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย                 อย่าคิดเลยว่าจะจับได้ด้วยมือ
                                ที่เมืองใหม่ได้พบได้รับรับ                                พระยังจับน้องไม่ได้ลืมไปหรือ
                                ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ                                   ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที
                                พระรักใครใจน้องยังครองสัตย์                        ใช่จะขัดคิดอางขนางหนี
                                จะรั้งรอพอให้รุ่งคืนพรุ่งนี้                                ศึกจะตีมากระทั่งถึงลังกา
                                แม้โปรดปรานห้ามทัพให้สรรพเสร็จ             ศึกสำเร็จและวจะรักให้หนักหนา
                                แม้หลีกเลี่ยงอีกทีนี้พระพี่ยา                             จึงเข่นฆ่าน้องเสียบ้างให้วางวาย
                                จงผ่อนผันวันเดียวค่อยเหนี่ยวหน่วง               ไม่ล่อลวงเลยน้องจะกองถวาย
                                สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย                      อย่าให้อายอัปยศจงอดออม
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:488)
                นางละเวงวัณฬาเป็นกษัตริย์ที่มีความสง่างาม มีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัว และมีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พวกโจรจะเข้ามาทำร้าย นางจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้โจรเกรงกลัว แม้ว่าจะเป็นหญิงซึ่งเดินทางมาโดยลำพัง แต่ก็มีความองอาจ กล้าหาญ เชื่อมั่นในตนเอง กล้าเผชิญหน้ากับโจร ไม่หลบหนี ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้นำอย่างแท้จริง ดังความว่า
                                จำจะบอกออกความนามกษัตริย์                       เจ้าจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล
                                มันอาศัยในแผ่นดินสิ้นทุกคน                          ถึงอับจนก็ไม่ควรจะลวนลาม
                                ดำริพลางนางกษัตริย์ตรัสประภาษ                  ท่านเชื้อชาติชาวไพรมาไต่ถาม
                                อันตัวเราเจ้าลังกาล่าสงคราม                            หลงมาตามทางเถื่อนให้เฟือนใจ
                                ท่านเอ็นดูรู้แห่งจงแจ้งจิต                                  อย่าคบคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน
                                ช่วยนำเราเข้าไปเพียงพระเวียงชัย                   จะตั้งให้เป็นขุนนางได้รางวัล
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-406)
                นอกจากนั้น นางละเวงวัณฬาได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในด้านการเมือง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในตอนที่นางละเวงวัณฬาส่งสาส์นท้ารบถึงพระอภัยมณี โดยเอาเมืองลังเป็นเดิมพัน ชี้ให้เห็นถึงลักษณะของผู้นำที่มีความกล้าหาญองอาจ ดังความว่า
                                ในสาราว่าพระองค์ดำรงราชย์                          บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์
                                ทรงพระนามตามยศทศธรรม์                           ละเวงวัณฬาลบภพไตร
                                บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก                             ประเทศทุกภาษาได้อาศัย
                                แต่รบรับกับองค์พระอภัย                                  สงสารไพร่พลตามเสียก่ายกอง
                                เหมือนโจรไพรไม่มีอิสริยศ                              จะปรากฏความชั่วให้มัวหมอง
                                คิดจะขอต่อตีกันพี่น้อง                                       สองต่อสองสงครามตามโบราณ
                                เราเพลี่ยงพลั้งลังกาอาณาเขต                           เป็นของเชษฐาสิ้นทุกถิ่นฐาน
                                เราชนะจะเอาสัตย์ปฏิญาณ                               แล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวา
                                ถึงวอดวายภายหลังได้สรรเสริญ                      จะอยู่กินกัปกัลป์ชนษา
                                แม้ไม่สู้ผู้หญิงทิ้งศัสตรา                                    ก็เลิกทัพกลับไปหานางมาลี             
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-449)
                ความใจเด็ดของนางละเวงวัณฬา ปรากฏให้เห็นอีกครั้งเมื่อมังคลาทำให้เกิดศึกชิงโคตรเพชร สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว แม้ว่านางจะรักลูกมาเพียงใด แต่นางก็ไม่ยอมตามใจลูกในทางที่ผิด เมื่อมังคลาทำผิดนางก็ไม่เข้าข้างและยอมให้ลูกได้รับโทษ แสดงให้เห็นว่านางเป็นคนใจเด็ด รักความถูกต้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม และประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังตอนที่นางละเวงวัณฬาได้กล่าวกับท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลี หลังจากที่นางได้ช่วยท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลีพร้อมด้วยธิดา สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดา ออกจากที่คุมขัง ดังความว่า
                                วัณฬาสารภาพพึ่งทราบเกล้า                            ว่าลูกเต้าเจ้ากรรมทำข่มเหง
ไม่บอกแม่แต่มันคิดกันเอง                                               ไม่ยำเยงเกรงพระราชอาชญา
แต่ลูกนี้มิได้เป็นใจด้วย                                                       จะคิดช่วยกำจัดตัดเกศา
ทั้งสององค์ทรงธรรม์จงกรุณา                                          แต่ตัวข้านี้ได้โปรดยกโทษทัณฑ์
ที่ลูกหลานพาลผิดคิดขบถ                                 มันคนคดควรฆ่าให้อาสัญ
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-866)
4.              ความอ่อนน้อมถ่อมตน
                นางละเวงวัณฬาขึ้นเป็นกษัตริย์ ครองเมืองลังกาตั้งแต่วัย 16 ปี ในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำหรับนาง แต่เมืองลังกามีสังฆราชบาทหลวงที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมาโดยตลอด เมื่อขึ้นปกครองเมืองลังกา แล้วนางก็ให้ความเคารพนบนอบต่อสังฆราช โดยไม่ถือว่าตนมีสถานภาพสูงกว่าแต่อย่างใด
                พฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นผลให้สังฆราชอยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ดังความว่า
                                นางละเวงเกรงพระต้องละยศ                          สละลดส่วนไหมสไบเฉียง
                                บรรดาเหล่าสาวศรีพระพี่เลี้ยง                          อยู่แค่เพียงชั้นล่างห่างห่างกัน
                                บาทหลวงเฒ่าเข้าใจไถลถาม                             มาอารามรูปทำไมไอศวรรย์
                                ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
                                ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
                                ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                นอกจากนี้ นางละเวงวัณฬายังยอมรับว่า ตนเองไม่มีความพร้อมที่จะเป็นกษัตริย์ ทั้งนี้เพราะมีความรู้น้อยในการปกครอง และต้องมาเป็นแม่ทัพ นางก็ต้องยอมรับฟังคำแนะนำหรือขอคำปรึกษาจากเสนาอำมาตย์ แสดงให้เห็นว่านางมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อไม่มีความรู้ในเรื่องใดก็ยอมรับและจะขอคำแนะนำจากผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะมีสถานะต่ำกว่าก็ตาม ดังความว่า
                                เราขอบคุณขุนนางต่างตำแหน่ง                       ช่วยตบแต่งให้บำรุงซึ่งกรุงศรี
                                อายุเราเพิ่งได้สิบหกปี                                        เป็นสตรีไม่ชำนาญการสงคราม
                                แต่สุดแสนแค้นเคืองเมืองผลึก                         จะทำศึกสิ้นชีวิตไม่คิดขาม
                                ขอปัญญาข้าเฝ้าอย่าเบาความ                            จะปราบปรามเมืองผลึกช่วยตรึกตรา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:315)






บรรณานุกรม
วิกรานดา โชติช่วงรัศมี. 2548. การวิเคราะห์จริยธรรมของตัวละครในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี.               
สารนิพนธ์ (กศ.ม.) สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.





การศึกษาบทบาทนางละเวงวัณฬา จากวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี
วรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีเป็นเรื่องที่สนุกสนานและมีตัวละครมากมายแต่ตัวละครเด่นที่สมควรนำมาวิจารณ์ด้วยทฤษฎีสตรีนิยมนี้เราเห็นว่านางละเวงเหมาะสมที่สุดเพราะจากการที่ได้ศึกษาประวัติของนางละเวงทำให้ได้เห็นว่านางเป็นสตรีที่มีบทบาทแตกต่างกับตัวละครหญิงอื่นๆในพระอภัยมณี เพราะสุนทรภู่เขียนภาพลักษณ์ของนางละเวงไม่ให้เป็นกุลสตรีที่ละเมียดละไมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนในวัง หรืออยู่ในภาพตกใจง่าย เป็นหญิงสาวอ่อนหวานและอ่อนไหวแบบขี้ขลาด ขี้กลัว เหมือนตัวละครหญิงคนอื่น แต่นางละเวงถูกเขียนให้เป็นผู้หญิงกล้าหาญ ฉลาด เจ้าเล่ห์ สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆได้ รวมทั้งมีฝีมือในการรบทัพจับศึก ตัดสินใจเด็ดขาด และมีมานะในการเรียนรู้ นางจึงได้ครองเมืองลังกาขณะมีอายุเพียง16ปี แต่นางก็มีขัตติยะมานะที่จะเป็นกษัตริย์ และนางก็สามารถปกครองบ้านเมืองได้ดีไม่แพ้ผู้ชายนางละเวงจึงเป็นตัวละครที่สมควรนำมายกตัวอย่างการวิจารณ์ในครั้งนี้
นางละเวงวัณฬา
                โครงเรื่องใหญ่ของนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีคือสงครามระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกา ด้วยเหตุที่นางละเวงต้องการแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชายที่ตายเพราะฝีมือของฝ่ายเมืองผลึก แต่เหตุขัดแย้งที่ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเร้าใจมากยิ่งขึ้น ก็คือนางละเวงและพระอภัยมณีต่างรักกัน ความขัดแย้งนี้ไม่ใช่ของใหม่นัก ความรักระหว่างพระเพื่อนพระแพงและพระลอก็แสดงความขัดแย้งเช่นนี้ แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากลวิธีนี้เป็นที่นิยมกันเป็นสากล เมื่อศัตรูเกิดรักกัน ตัวละครจึงเกิดความขัดแย้งในใจ ฝ่ายลังกาใช้มนตร์ดึงตัวละครชายเมืองผลึก ทั้งพระอภัย ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาครมาคู่ครองกับตัวละครหญิงเมืองลังกา ได้แก่นางละเวง นางยุพาผกา นางสุรารีวัน นางรำภาสะหรี ผู้หญิงเมืองผลึกซึ่งได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางเกษรา นางเสาวคนธ์ จึงร่วมมือกับญาติพี่น้องอื่นๆ ทำศึกเพื่อชิงตัวสามีและคนรักคืนการศึกจบลงด้วยการที่ฤาษีเกาะแก้วพิสดารไกล่เกลี่ยให้ทุกคนรักใคร่ให้อภัยกัน ในตอนท้ายเรื่องมีศึกระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกาอีกครั้ง เมื่อมังคลาลูกนางละเวงและพระอภัยมณีร่วมมือกับวรายุดา วายุพัฒน์ หัสกัน ลูกศรีสุวรรณ สินสมุทร และสุดสาครที่เกิดกับมเหสีฝ่ายเมืองลังกาชิงโคตรเพชรจากเมืองการะเวกและจับตัวนางสุวรรณมาลีและธิดาแฝดไปขังไว้ ศึกครั้งหลังจึงเป็นการสู้รบระหว่างพ่อ แม่ และลูกๆ ของตน
                จะเห็นได้ว่าแม้เรื่องราวจะเกี่ยวพันกับพระอภัยมณีเป็นส่วนใหญ่ จนกล่าวได้ว่าตัวพระอภัยมณีเป็นเสมือนด้ายที่ร้อยเอาตัวละครอื่นๆ และพฤติกรรมทั้งหลายในเรื่องไว้ด้วยกัน เพราะตัวละครทุกตัวและเหตุการณ์แทบทุกเหตุการณ์จะต้องผูกพันเกี่ยวเนื่องกับตัวละครนี้ทั้งสิ้น แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระอภัยล้วนมาจากการกระทำของตัวละครหญิง และเป็นเรื่องราวที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่นางผีเสื้อสมุทรจับตัวพระอภัยไปอยู่กินด้วยกันจนมีลูกคือสินสมุทร นางเงือกช่วยพาพระอภัยมณีหนีมาได้ นางวาลีช่วยให้พระอภัยได้อภิเษกกับนางสุวรรณมาลี สงครามระหว่างเมืองผลึกและเมืองลังกามีมูลเหตุจากนางวาลีทำให้เจ้าลังกาและอุศเรนเสียชีวิต  นางละเวงจึงทำศึกแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชาย ในการทำสงคราม ตัวละครหญิงแทบทุกตัวมีบทบาทในการต่อสู้ทำสงครามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวละครชาย มีความสามารถในการบัญชาการรบและการใช้อาวุธต่างๆ ในการสู้รบโดยยังอยู่ในร่างผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องแปลงร่างเป็นชายเหมือนอย่างวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ เพียงแต่แต่งตัวรัดกุมสะดวกในการต่อสู้ ไม่เพียงแต่ตัวละครเอกเท่านั้นแม้ทหารทั่วไปก็ใช้ทหารหญิง เช่น นางละเวงฝึกหัดผู้หญิงเป็นทหารรักษาพระองค์ถึง 3,000 คน ตัวละครหญิงฝ่ายเมืองผลึกก็เป็นแม่ทัพทั้งสิ้น ได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางวาลี นางเสาวคนธ์ และมีชื่อเสียงเลื่องลือว่า “หญิงผลึกศึกกล้าเสียกว่าชาย” ตัวละครหญิงในวรรณคดีเรื่องนี้จึงเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์ มีบทบาทเท่าเทียมฝ่ายชาย และมีอิทธิพลเหนือตัวละครฝ่ายชายอย่างเห็นได้เด่นชัด
                อย่างไรก็ตาม ตัวละครหญิงในนิทานคำกลอนเรื่องนี้ยังมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับนางเอกในวรรณคดีไทยทั่วไป คือ มีความจงรักภักดีต่อสามีอย่างยิ่ง แม้ว่าก่อนการอภิเษกทุกคนล้วนใจเด็ด ตัดรอนฝ่ายชายอย่างไม่แยแส เช่น นางสุวรรณมาลีหนีพระอภัยไปบวช นางเสาวคนธ์หนีสุดสาครไปเมืองวาหุโลมแปลงเพศเป็นฤาษี นางอรุณรัศมีไม่ยอมเข้าหอกับสินสมุทร นางละเวงไม่ยอมเป็นเมียพระอภัยจนพระอภัยทำอุบายผูกคอตาย เป็นต้น แต่หลังจากเป็นชายาแล้ว ตัวละครหญิงเหล่านี้ต่างรักใครภักดีสามี นางสุวรรณมาลียกทัพตามมาทำศึก แม้จะต้องฟังพระอภัยซึ่งถูกเสน่ห์กล่าววาจาตัดรอนอย่างเชือดเฉือนใจจนสลบไปหลายครั้ง นางก็ยังอดทน มุมานะ ทำศึกชิงพระอภัยคืนให้ได้ตัวละครหญิงเกือบทุกตัว ยกเว้นนางเกษราจึงเป็นตัวของตัวเอง มีพฤติกรรมตามบุคลิกลักษณะของตนและมีบทบาทต่อการดำเนินเรื่องทั้งสิ้นในบรรดาตัวละครหญิงเหล่านี้ ผู้เขียนเลือกศึกษานางละเวงวัณฬาเป็นพิเศษกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ เพราะการที่นางได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกาแทนพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้นางต้องรับภาระหน้าที่ในการรักษาเกียรติยศของชาติตระกูลโดยตัดสินใจทำสงครามทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิง บทบาทและพฤติกรรมนางละเวงจึงเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินเรื่อง
                นางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีจุดเด่นกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ หลายประการ ได้แก่ด้านสถานะทางสังคม นางละเวงอยู่ในฐานะเป็นกษัตริย์ผู้หญิงมิใช่เป็นเพียงพระมเหสี ในด้านรูปร่างหน้าตา นางละเวงมีชื่อเสียงในด้านความงามไม่แพ้ตัวละครหญิงในวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ ดังมีคำกล่าวชมความงามของผู้หญิงว่า “รูปร่างอย่างนางละเวง” ในเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่กล่าวชมความงามของนางละเวงมากกว่าตัวละครหญิงเรื่องอื่นๆ เพราะความงามของนางมีส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง เรื่องนางจะทำสงครามกับเมืองผลึกซึ่งเป็นเมืองใหญ่ นางต้องการกำลังสนับสนุน จึงให้วาดรูปส่งไปยังเมืองต่างๆ เชิญชวนให้ร่วมทำสงครามซึ่งจะได้อภิเษกกับนางเป็นบำเหน็จรางวัล รูปเสน่ห์ของนางจึงมีผลทำให้ผู้พบเห็นเกิดความลุ่มหลง สุนทรภู่น่าจะได้ความคิดเรื่องราวการวาดรูปมาจากบทละครเรื่องอิเหนา แต่รูปของนางละเวงเป็นรูปเสน่ห์ด้วย จึงทำให้เจ้าละมานหลงใหลรูปวาดและเมื่อพบตัวจริงก็ถึงกับตะลึงหลงกล่าวชมความงามของนางว่า
เห็นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช                     สถิตอาสน์อำไพวิไลโฉม
ดังดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม                                                งามประโลมลืมองค์หลงตะลึง
เหมือนรูปร่างช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด                                                ทศทิศธาตรีไม่มีถึง
พระกรอ่อนละม่อมเหมือนกล่อมกลึง                                            นิ้วดั่งหนึ่งลำเทียนเจียนประจง
พระโอษฐ์บางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม                                                            ดูไม่อิ่มอกใจให้ใหลหลง
                สินสมุทรเมื่อเห็นนางครั้งแรกก็ยังชมนางว่า “กำดัดงามทรามสงวนนวลละออง ดูผุดผ่องพิศไปใจรัญจวน” เมื่อต่อสู้กันสินสมุทรคิดจะจับเป็นเพราะเอ็นดูว่าเป็นผู้หญิงและเห็นว่า “งามจริงจริงจิตใจให้ไหวหวาม จะฆ่านางวางวายเสียดายงาม”
                ส่วนพระอภัยซึ่งหลงรูปเสน่ห์ของนางมาก่อน เมื่อเห็นตัวจริงครั้งแรกในสนามรบ ก็นึกรัก พระอภัยชมโฉมนางอย่างคลั่งไคล้ว่า
                                                                                                                พอสบเนตรทรามสงวนนวลหง
สวาทหวังคลั่งคลุ้มใคร่อุ้มองค์                         ตะลึงหลงแลเปล่งดั่งเพ็ญจันทร์
จะพิศไหนให้เห็นเหมือนเช่นรัก                    วิไลลักษณ์ล้ำสุรางค์นางสวรรค์
ขนงเนตรเกศแก้มแต้มอำพัน                           เหมือนลูกจันทร์แจ่มผ่องละอองนวล
               
                เมื่อนางละเวงพาพระอภัยไปเมืองลังกาโดยซ่อนตัวอยู่ท้ายรถ พระอภัยต้องแอบดูนางผ่านกระจก โดยอาศัยเพียงแสงจันทร์กระจ่างในเดือนหงาย พระอภัยชมความงามของนางไว้ว่า
สำอางอ่อนกรเกยเขนยหนุน            งามละมุนละม่อมล้วนนวลหง
แต่เสื้อหุ้มพุ่มพวงก็ทรวงทรง                           เห็นแต่องค์พระวิลาวเพียงบาดตา
พระปรางค์ดังปรางทองดูผ่องพวง                  เปล่งดังดวงจันทร์เพ็งเปล่งเวหา
เป็นน้ำนวลช่วนชื่นรื่นวิญญาณ์                       สุดนาสาเสียวทรวงให้ง่วงงง
               
                จะเห็นได้ว่าหลังจากพบนางละเวงแล้ว พระอภัยมณีคลั่งไคล้ไหลหลงนางละเวงมากและยาวนานจนเป็นเหตุของการรบที่ยืดเยื้อ การลุ่มหลงจึงเป็นการหลงรูปโฉมที่แท้จริง ไม่ใช่หลงด้วยอำนาจรูปเสน่ห์ เพราะสุดสาครทำลายรูปเสน่ห์ไปแล้ว และการที่กวีอ้างถึง “เสกสุคนธ์ปนยาแก้วตามนุษย์” ก็เป็นการอาศัยอำนาจไสยศาสตร์ลึกลับมาเป็นข้ออ้างของการประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ของตัวละครฝ่ายชายนั่นเอง กลวิธีเช่นนี้นิยมใช้ในการดำเนินเรื่องของวรรณคดีไทยโดยทั่วไป สินสมุทรรู้ใจพ่อของตนเองดีว่ามีลักษณะนิสัยหลงใหลในหญิงงาม หรืออาจกล่าวได้ว่าสินสมุทรรู้ใจผู้ชายทุกคน เพราะสินสมุทรก็หลงความงามของนางละเวงมาแล้ว แต่คิดว่า “พี่สาวใหญ่เพียงแต่ดูไม่คู่ควร” ฉะนั้นเมื่อพระอภัยจะออกไปรบกับนางละเวง สินสมุทรจึงเตือนพ่อไว้ว่า
                                                                                                                                การโลกีย์พระก็รู้อยู่แต่ไร
                                แม้นขึ้นรบผู้หญิงชาวสิงหล                                             อย่าแปดปนทำเป็นมิตรพิสมัย
                                จะนัวเนียเสียการรำคาญใจ                                                ใครเห็นให้ฆ่าฟันเสียทันที
                ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือนางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีความงามกดดันทางจิตใจสูงกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ นางสุวรรณมาลี นางเสาวคนธ์ นางอรุณรัศมี เป็นตัวละครหญิงที่มีความขัดแย้งในใจด้วยเหตุผิดใจหึงหวงคนรักของตน ความแค้นใจของนางสุวรรณมาลีเริ่มจากพระอภัยไม่กล้ายืนยันกับอุศเรนว่ารักนาง หลังจากเสร็จศึกกับอุศเรนแล้ว นางจึงหนีไปบวชเพื่อหลีกเลี่ยงการอภิเษก นางวาลีจึงต้องช่วยพระอภัยแก้ปัญหาได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีเหตุหึงหวงนางละเวงจนทำศึกยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน นางอรุณรัศมีโกรธสินสมุทรที่ไปหลงนางยุพาผกา จุงกรีดเลือดทำสัตย์สาบานกับนางเสาวคนธ์ว่าชาตินี้ไม่ขอมีคู่ครองเลย นางจึงไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกกับสินสมุทรจนถูกพ่อแม่ตายายบังคับ เมื่ออภิเษกแล้วก็ไม่ยอมเข้าหอจนนางสุวรรณมาลีต้องสอนอุบายให้สินสมุทรเอาชนะใจนางอรุณรัศมีได้สำเร็จ ส่วนนางเสาวคนธ์ผูกใจเจ็บสุดสาครตั้งแต่นางสุลาลีวันลอบพาตัวสุดสาครไปแล้วปลอมลายมือสุดสาครเขียนสารด่าว่าตัดรอนนางเอาไว้ นางเสาวคนธ์เก็บจดหมายนี้ไว้กับตัวเป็นเครื่องเตือนใจและไม่เคยปริปากบอใครเลย  จนกระทั่งเสร็จศึก พ่อแม่จัดการให้อภิเษกกับสุดสาคร นางหนีไปพร้อมกับทิ้งศาลนั้นไว้คนทั้งหลายจึงเข้าใจเหตุผล สุดสาครต้องติดตามหานางและใช้เวลายาวนานกว่าจะง้องอนให้นางคืนดี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดกับตัวละครหญิงเหล่านี้ เป็นความขัดแย้งด้วยปัญหาส่วนตัว แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับนางละเวงเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอารมณ์ส่วนตัวกับพันธะหน้าที่ ความรักพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรูทำให้นางละแวงเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจตลอดเวลา นางจึงรับศึกหนักกว่าผู้อื่น คือศึกสงครามภายนอกที่นางเป็นผู้บัญชาการรบ และศึกในใจที่นางต้องข่มความหวั่นไหวด้วยความอดทน นางละเวงจึงเป็นตัวละครที่น่าศึกษา เพราะนางไม่ใช่ตัวละครที่สุนทรภู่สร้างขึ้นเพื่อดำเนินเหตุการณ์เพียงตอนใดตอนหนึ่ง แต่นางมีบทบาทและพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นและเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องเข้าด้วยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล นางเป็นน้องสาวของอุศเรน ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลี เมื่อพ่อและพี่ชยเสียชีวิตด้วยน้ำมือคนเมืองผลึก นางจึงทำสงครามกับคนเมืองผลึกเป็นการแก้แค้น ความรักพระอภัยและความต้องการแก้แค้นผู้หญิงเมืองผลึกจึงทำให้นางใช้เสน่ห์ผู้หญิงลวงกษัตริย์เมืองผลึกทุกคนยกเว้นหัสไชยมาอยู่ที่เมืองลังกา ตอนที่นางแอบพาพระอภัยเข้าวังเป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจของนางอย่างชัดเจนตอนหนึ่ง ระหว่างความรักพระอภัยกับความอายที่ทำผิดจารีตจึงต้องปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ความจริง ในตอนท้ายเรื่องเมื่อทำสงครามกับมังคลาลูกของตนเองก็เป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจนางระหว่างความรักลูกกับการลงโทษลูกเพื่อแก้ปัญหาที่ลูกทำให้ผู้อื่นเดอดร้อนละเป็นทุกข์
                ลักษณะเด่นประการสุดท้ายของนางละเวงคือ ในแง่โครงเรื่องนางละเวงเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์กับตัวละครอื่นๆ ในฐานะที่เป็นคู่สงครามกับเมืองผลึก แต่ถึงแม้จะเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์ สุนทรภู่ก็มิได้แสดงว่านางเป็นตัวละครที่ชั่วร้าย การก่อสงครามเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความจำเป็นตามที่กล่าวมาแล้ว การช่วงชิงพระอภัยมณีจากนางสุวรรณมาลีก็เป็นภาวะที่บีบคั้นความรู้สึก แต่เพราะความเป็นกลศึกที่จะเอาชนะศัตรู อย่างหนึ่งกับเพราหลงรักพระอภัยมณีอีกอย่างหนึ่งทำให้นางละเวงเลือกทำเช่นนั้น บทบาทและพฤติกรรมของนางละเวงจึงสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของนาง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นลักษณะนิสัยของตัวละครผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของนิทานคำกลอนเรื่องนี้ทุกตัว ดังจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและบทบาทของพฤติกรรมตัวละครนี้โดยละเอียด ดังนี้
1.              ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี
                นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาของพระอภัยมณีอีกผู้หนึ่ง นางเป็นธิดาของเจ้าเมืองลังกาและเป็นน้องสาวของอุศเรนคู่หมั้นของสุวรรณมาลี ภายหลังจากพ่อและพี่ตายเพราะแพ้สงครามกับเมืองผลึกของพระอภัยมณีกับสุวรรณมาลี นางจึงต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกา ตั้งแต่อายุ 16 ปี ละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีรูปโฉมงดงามยิ่ง แม้แต่รูปวาดของนางก็ยังทำให้พระอภัยมณีหลงใหลถึงกับพร่ำเพ้อ ต่อมาเกิดสงครามกับเมืองผลึกอันสืบเนื่องมาจากความแค้น และด้วยการยุยงของสังฆราชให้นางแก้แค้นให้กับบิดาและพี่ชาย ครั้นเมื่อพบกับพระอภัยมณีในสนามรบ ต่างก็มีจิตผูกพันรักใคร่ต่อกัน ต่อมานางได้เป็นชายาของพระอภัยมณีและมีลูกชื่อ มังคลา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
                ความซื่อสัตย์ต่อสามี
                ในฐานะภรรยา นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาที่รักและซื่อสัตย์ต่อสามี ถึงแม้ว่าพระอภัยมณีจะเป็นศัตรู แต่เมื่อนางเป็นภรรยาก็เคารพยกย่องให้เกียรติสามี แม้จะห่างเหินกันไปเป็นเวลานาน นางก็ยังคงซื่อสัตย์ และเคารพยกย่องต่อพระอภัยมณีเสมอ ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พระอภัยมณีเข้าเมืองลังกา เมื่อปราบมังคลาที่ก่อความวุ่นวายสั่งให้คนไปจับคุมตัว นางสุวรรณมาลี นางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดา และท้าวทศวงศ์มาคุมขังไว้ที่ด่านดงตาล จึงเกิดสงครามขึ้นเมื่อฝ่ายลังกาพ่ายแพ้มังคลาหนีไป พระอภัยมณีจึงได้พบกับนางละเวงวัณฬา และนางได้แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อสามี ดังความว่า
นางเคารพนบนอบตอบสนอง                          พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา
ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา                                  ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย
แต่ห่างเหินเนิ่นนานหม่อมฉานเล่า                                มีลูกเต้ามัวหมองไม่ผ่องใส
เคยชิดชมขมหวานประการใด                          มิใช่ไม่เคยเห็นจงเอ็นดู
สิบแปดปีนี่แล้วแต่เป็นม่าย                               จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู
มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู                 คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น
เมื่อรุ่นสาวคราวพบต้องรบผัว                          ครั้นแก่ตัวรบกับลูกถูกแต่เข็ญ
แสนอาภัพรับแต่ร้อนไม่หย่อนเย็น                 พระก็เห็นก็รู้อยู่ด้วยกัน
แม้ใช้งานการอื่นไม่ขืนขัด                                จะซื่อสัตย์สุจริตไม่ผิดผัน
โปรดปล่อยปละละวางที่อย่างนั้น                    กระหม่อมฉันหลาบเข็ดจงเมตตา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:921-922)
                ต่อมาเมื่อพระอภัยมณีตัดสินใจออกบวช นางละเวงวัณฬาก็ตัดสินใจบวชเพื่อตามไปปรนนิบัติสามี ด้วยความจงรักภักดีพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ดังความว่า ต่างทูลว่าข้าขอรับบรรพชิต พอเป็นศิษย์สามิภักดิ์สมัครหมาย” (พระอภัยมณี. 2529:934) พระอภัยมณีจึงทำพิธีบวชให้ ดังความว่า
ฝ่ายสองนางต่างบังคมด้วยสมนึก                    ลงมาตึกเตียงทองเข้าห้องสรง
ต่างชำระสระสนานสำราญองค์                       แล้วก็ทรงเครื่องพรตดาบสินี
ชฎากลีบจีบจัดฉวัดเฉวียน                 ล้วนขาวเขียนลายทองผุดผ่องศรี
ประคำพลอยห้อยพระศอจรลี                           ไปนั่งที่แท่นสุวรรณริมบัลลังก์
ดาบสพระอภัยให้ศีลห้า                                     ว่านำหน้านางชีว่าทีหลัง
จนจบปัญจสีลาสิกขาปทัง                  สองนางนั่งกราบงามลงสามที
แล้วนั่งเคียงเรียงกันเป็นหลั่นลด                     รักษาพรตงดงามสามฤาษี
จอมกษัตริย์ถาถามตามบาลี                               นางก็รับสัพพีด้วยปรีดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:935)
2.              ความมีสติปัญญา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีสติปัญญา เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
-              ความฉลาดในการผูกใจคน
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดในการผูกใจคน เห็นได้จากการที่นางให้ความเคารพต่อพระสังฆราชอยู่เสมอ แม้ภายหลังนางจะมีความคิดเห็นต่างออกไป และไม่พอใจพระสังฆราชหลายประการ แต่นางก็สามารถผูกใจพระสังฆราชให้อยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ทั้งนี่เพราะนางยกย่องพระสังฆราชให้เป็นอาจารย์ และเป็นที่ปรึกษาราชการ และเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเห็นจากตอนที่นางละเวงวัณฬาขึ้นปกครองเมืองลังกาใหม่ๆ ก็ไม่ได้ถือว่าองค์เป็นกษัตริย์ และขอคำปรึกษาจากพระสังฆราช ดังความว่า
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่ากว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
ซึ่งทิ้งตราราหูเรียนรู้หญิง                                  ทั้งสองสิ่งสุดจะแปลจะแก้ไข
พระโปรดด้วยช่วยแสดงให้แจ้งใจ                   แต่พอให้แก้แค้นแทนบิดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                ในการที่นางละเวงวัณฬาแต่งตั้งให้นางรำภาสะหรี เป็นนายด่านแทนบิดาซึ่งเสียชีวิตในสงคราม และให้การยกย่องเป็นเหมือนพี่น้องกับตน ทำให้นางรำภาสะหรีมีความเคารพรักและจงรักภักดีต่อนางตลอดมา แสดงให้เห็นว่า นางละเวงวัณฬามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดรู้จักผูกใจคน ดังความว่า

                                ฝ่ายโฉฒยงองค์ละเวงวัณฬาราช                      แสนฉลาดล้ำหญิงในสิงหล
                                จึงเสแสร้งแกล้งตรัสให้จัดพล                          คอยประจญประจัญรอบขอบเวียงชัย
                                แล้วพิศพักตร์ลักษณารำภาสะหรี                     ดังสำลีลำยองดูผ่องใส
                                รู้รบศึกฝึกฝนทำกลไก                                        จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เป็นไมตรี    
                                จึงให้หามาใกล้ปราศรัยปลอบ                          เจ้าทำชอบช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี
                                จะรักใครกันให้เหมือนเพื่อนชีวี                      นึกว่าพี่น้องกันจนวันตาย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:438)
-              ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนางละเวงวัณฬาเห็นได้จากตอนที่นางละเวงวัณฬาต่อสู้กับพระอภัยมณีในสนามรบ เมื่อพระอภัยมณีเห็นหน้านางละเวงอย่างใกล้ชิดก็หลงรัก จึงยุติการต่อสู้ เปลี่ยนมาใช้คารมเกี้ยวนางละเวงวัณฬาแทน แต่นางควบม้าหนี พระอภัยมณีจึงใช้เพลงปี่เรียกนางให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความมีสติปัญญานางจึงคิดด้วยเหตุและผล ตลอดจนความสำนึกในหน้าที่ นางจึงตัดสินใจควบม้าหนี เพราะนางทราบดีว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปอาจจะใจอ่อนต่อคารมของพระอภัยมณี แสดงให้เห็นว่านางละเวงวัณฬามีสติ และรู้จักใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จนสามารเอาตัวรอดได้ ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดเฉลียวเมื่อฝ่ายลังกาตกเป็นรองฝ่ายผลึก นางก็วางแผนให้พระอภัยมณีซึ่งหลงเสน่ห์นางมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน
                                แต่ครั้งนี้มีอุบายให้ตายจิต                                  ก็สุดคิดขัดสนจนหนักหนา
                                จะรบรับสัประยุทธ์สุดปัญญา                           จึงทำกล้าแกล้งถามตามทำนอง
                                ท่านนี้หรือชื่ออภัยจะใคร่รู้                                ที่ชิงคู่ไปชมประสมสอง
                                พระเชษฐาปรานีเหมือนพี่น้อง                        ยังขัดข้องคิดทำลายให้วายชนม์
                                แล้วมิหนำซ้ำตามข้ามสมุทร                             มายงยุทธ์กับผู้หญิงถึงสิงหล
                                ครั้นหักโหมโจมจับไม่อับจน                           กลับแต่งกลเกี้ยวพานด้วยมารยา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างชมพูต่อสู้รบ                          หรือจึงคบคิดรักกันหนักหนา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเมืองลังกา                       จะเมตตาเพราะมีไมตรีกัน
                                ประการหนึ่งซึ่งกษัตริย์กำจัดทัพ                      แม้นคนหลับแล้วไม่ฆ่าให้อาสัญ
                                ย่อมรบสู้ดูดีตีประจัญ                                          เออเช่นนั้นหรือจะลือว่าชื่อชาย
                                นี่พระองค์ทรงศักดิ์รักแต่ทรัพย์                        ทำให้หลับแล้วก็ริบให้ฉิบหาย
                                จะผูกมิตรชิดเชื้อให้เหลืออาย                           ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:395)
3.              ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
                นางละเวงวัณฬา มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทั้งเรื่องความรักและเรื่องการปกครองบ้านเมือง พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนาง เห็นได้ชัดเจนในตอนที่พบกับพระอภัยมณีในสนามรบ นางก็หลงรักแต่ด้วยความเป็นกษัตริย์ จึงตัดใจไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรู จึงควบม้าหนีไป แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬา ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                ความเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬาในเรื่องของความรัก เห็นได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อนางได้วางแผนพาพระอภัยมณีเข้ามาอยู่ในวังด้วยอุบายทางการศึก แม้ว่าพระอภัยมณีจะพูดจาฝากรักอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ยอมให้พระอภัยมณีล่วงเกิน แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวไปกับถ้อยคำเกี้ยวพาราสี และหาทางเลี่ยงหลบไปได้ ดังความว่า
                                พระว่าพลางกางกรประคองกอด                     เยาวยอดข่วนหยิกผลักพลิกผัน
                                นางว่าพระจะมารุกทำบุกบัน                            เถิดเช่นนั้นแล้วก็ลึกอย่านึกเลย
                                น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ                ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย
                                จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย                 อย่าคิดเลยว่าจะจับได้ด้วยมือ
                                ที่เมืองใหม่ได้พบได้รับรับ                                พระยังจับน้องไม่ได้ลืมไปหรือ
                                ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ                                   ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที
                                พระรักใครใจน้องยังครองสัตย์                        ใช่จะขัดคิดอางขนางหนี
                                จะรั้งรอพอให้รุ่งคืนพรุ่งนี้                                ศึกจะตีมากระทั่งถึงลังกา
                                แม้โปรดปรานห้ามทัพให้สรรพเสร็จ             ศึกสำเร็จและวจะรักให้หนักหนา
                                แม้หลีกเลี่ยงอีกทีนี้พระพี่ยา                             จึงเข่นฆ่าน้องเสียบ้างให้วางวาย
                                จงผ่อนผันวันเดียวค่อยเหนี่ยวหน่วง               ไม่ล่อลวงเลยน้องจะกองถวาย
                                สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย                      อย่าให้อายอัปยศจงอดออม
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:488)
                นางละเวงวัณฬาเป็นกษัตริย์ที่มีความสง่างาม มีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัว และมีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พวกโจรจะเข้ามาทำร้าย นางจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้โจรเกรงกลัว แม้ว่าจะเป็นหญิงซึ่งเดินทางมาโดยลำพัง แต่ก็มีความองอาจ กล้าหาญ เชื่อมั่นในตนเอง กล้าเผชิญหน้ากับโจร ไม่หลบหนี ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้นำอย่างแท้จริง ดังความว่า
                                จำจะบอกออกความนามกษัตริย์                       เจ้าจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล
                                มันอาศัยในแผ่นดินสิ้นทุกคน                          ถึงอับจนก็ไม่ควรจะลวนลาม
                                ดำริพลางนางกษัตริย์ตรัสประภาษ                  ท่านเชื้อชาติชาวไพรมาไต่ถาม
                                อันตัวเราเจ้าลังกาล่าสงคราม                            หลงมาตามทางเถื่อนให้เฟือนใจ
                                ท่านเอ็นดูรู้แห่งจงแจ้งจิต                                  อย่าคบคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน
                                ช่วยนำเราเข้าไปเพียงพระเวียงชัย                   จะตั้งให้เป็นขุนนางได้รางวัล
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-406)
                นอกจากนั้น นางละเวงวัณฬาได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในด้านการเมือง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในตอนที่นางละเวงวัณฬาส่งสาส์นท้ารบถึงพระอภัยมณี โดยเอาเมืองลังเป็นเดิมพัน ชี้ให้เห็นถึงลักษณะของผู้นำที่มีความกล้าหาญองอาจ ดังความว่า
                                ในสาราว่าพระองค์ดำรงราชย์                          บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์
                                ทรงพระนามตามยศทศธรรม์                           ละเวงวัณฬาลบภพไตร
                                บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก                             ประเทศทุกภาษาได้อาศัย
                                แต่รบรับกับองค์พระอภัย                                  สงสารไพร่พลตามเสียก่ายกอง
                                เหมือนโจรไพรไม่มีอิสริยศ                              จะปรากฏความชั่วให้มัวหมอง
                                คิดจะขอต่อตีกันพี่น้อง                                       สองต่อสองสงครามตามโบราณ
                                เราเพลี่ยงพลั้งลังกาอาณาเขต                           เป็นของเชษฐาสิ้นทุกถิ่นฐาน
                                เราชนะจะเอาสัตย์ปฏิญาณ                               แล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวา
                                ถึงวอดวายภายหลังได้สรรเสริญ                      จะอยู่กินกัปกัลป์ชนษา
                                แม้ไม่สู้ผู้หญิงทิ้งศัสตรา                                    ก็เลิกทัพกลับไปหานางมาลี             
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-449)
                ความใจเด็ดของนางละเวงวัณฬา ปรากฏให้เห็นอีกครั้งเมื่อมังคลาทำให้เกิดศึกชิงโคตรเพชร สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว แม้ว่านางจะรักลูกมาเพียงใด แต่นางก็ไม่ยอมตามใจลูกในทางที่ผิด เมื่อมังคลาทำผิดนางก็ไม่เข้าข้างและยอมให้ลูกได้รับโทษ แสดงให้เห็นว่านางเป็นคนใจเด็ด รักความถูกต้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม และประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังตอนที่นางละเวงวัณฬาได้กล่าวกับท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลี หลังจากที่นางได้ช่วยท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลีพร้อมด้วยธิดา สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดา ออกจากที่คุมขัง ดังความว่า
                                วัณฬาสารภาพพึ่งทราบเกล้า                            ว่าลูกเต้าเจ้ากรรมทำข่มเหง
ไม่บอกแม่แต่มันคิดกันเอง                                               ไม่ยำเยงเกรงพระราชอาชญา
แต่ลูกนี้มิได้เป็นใจด้วย                                                       จะคิดช่วยกำจัดตัดเกศา
ทั้งสององค์ทรงธรรม์จงกรุณา                                          แต่ตัวข้านี้ได้โปรดยกโทษทัณฑ์
ที่ลูกหลานพาลผิดคิดขบถ                                 มันคนคดควรฆ่าให้อาสัญ
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-866)
4.              ความอ่อนน้อมถ่อมตน
                นางละเวงวัณฬาขึ้นเป็นกษัตริย์ ครองเมืองลังกาตั้งแต่วัย 16 ปี ในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำหรับนาง แต่เมืองลังกามีสังฆราชบาทหลวงที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมาโดยตลอด เมื่อขึ้นปกครองเมืองลังกา แล้วนางก็ให้ความเคารพนบนอบต่อสังฆราช โดยไม่ถือว่าตนมีสถานภาพสูงกว่าแต่อย่างใด
                พฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นผลให้สังฆราชอยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ดังความว่า
                                นางละเวงเกรงพระต้องละยศ                          สละลดส่วนไหมสไบเฉียง
                                บรรดาเหล่าสาวศรีพระพี่เลี้ยง                          อยู่แค่เพียงชั้นล่างห่างห่างกัน
                                บาทหลวงเฒ่าเข้าใจไถลถาม                             มาอารามรูปทำไมไอศวรรย์
                                ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
                                ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
                                ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                นอกจากนี้ นางละเวงวัณฬายังยอมรับว่า ตนเองไม่มีความพร้อมที่จะเป็นกษัตริย์ ทั้งนี้เพราะมีความรู้น้อยในการปกครอง และต้องมาเป็นแม่ทัพ นางก็ต้องยอมรับฟังคำแนะนำหรือขอคำปรึกษาจากเสนาอำมาตย์ แสดงให้เห็นว่านางมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อไม่มีความรู้ในเรื่องใดก็ยอมรับและจะขอคำแนะนำจากผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะมีสถานะต่ำกว่าก็ตาม ดังความว่า
                                เราขอบคุณขุนนางต่างตำแหน่ง                       ช่วยตบแต่งให้บำรุงซึ่งกรุงศรี
                                อายุเราเพิ่งได้สิบหกปี                                        เป็นสตรีไม่ชำนาญการสงคราม
                                แต่สุดแสนแค้นเคืองเมืองผลึก                         จะทำศึกสิ้นชีวิตไม่คิดขาม
                                ขอปัญญาข้าเฝ้าอย่าเบาความ                            จะปราบปรามเมืองผลึกช่วยตรึกตรา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:315)






บรรณานุกรม
วิกรานดา โชติช่วงรัศมี. 2548. การวิเคราะห์จริยธรรมของตัวละครในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี.               
สารนิพนธ์ (กศ.ม.) สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.





การศึกษาบทบาทนางละเวงวัณฬา จากวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี
วรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีเป็นเรื่องที่สนุกสนานและมีตัวละครมากมายแต่ตัวละครเด่นที่สมควรนำมาวิจารณ์ด้วยทฤษฎีสตรีนิยมนี้เราเห็นว่านางละเวงเหมาะสมที่สุดเพราะจากการที่ได้ศึกษาประวัติของนางละเวงทำให้ได้เห็นว่านางเป็นสตรีที่มีบทบาทแตกต่างกับตัวละครหญิงอื่นๆในพระอภัยมณี เพราะสุนทรภู่เขียนภาพลักษณ์ของนางละเวงไม่ให้เป็นกุลสตรีที่ละเมียดละไมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนในวัง หรืออยู่ในภาพตกใจง่าย เป็นหญิงสาวอ่อนหวานและอ่อนไหวแบบขี้ขลาด ขี้กลัว เหมือนตัวละครหญิงคนอื่น แต่นางละเวงถูกเขียนให้เป็นผู้หญิงกล้าหาญ ฉลาด เจ้าเล่ห์ สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆได้ รวมทั้งมีฝีมือในการรบทัพจับศึก ตัดสินใจเด็ดขาด และมีมานะในการเรียนรู้ นางจึงได้ครองเมืองลังกาขณะมีอายุเพียง16ปี แต่นางก็มีขัตติยะมานะที่จะเป็นกษัตริย์ และนางก็สามารถปกครองบ้านเมืองได้ดีไม่แพ้ผู้ชายนางละเวงจึงเป็นตัวละครที่สมควรนำมายกตัวอย่างการวิจารณ์ในครั้งนี้
นางละเวงวัณฬา
                โครงเรื่องใหญ่ของนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีคือสงครามระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกา ด้วยเหตุที่นางละเวงต้องการแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชายที่ตายเพราะฝีมือของฝ่ายเมืองผลึก แต่เหตุขัดแย้งที่ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเร้าใจมากยิ่งขึ้น ก็คือนางละเวงและพระอภัยมณีต่างรักกัน ความขัดแย้งนี้ไม่ใช่ของใหม่นัก ความรักระหว่างพระเพื่อนพระแพงและพระลอก็แสดงความขัดแย้งเช่นนี้ แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากลวิธีนี้เป็นที่นิยมกันเป็นสากล เมื่อศัตรูเกิดรักกัน ตัวละครจึงเกิดความขัดแย้งในใจ ฝ่ายลังกาใช้มนตร์ดึงตัวละครชายเมืองผลึก ทั้งพระอภัย ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาครมาคู่ครองกับตัวละครหญิงเมืองลังกา ได้แก่นางละเวง นางยุพาผกา นางสุรารีวัน นางรำภาสะหรี ผู้หญิงเมืองผลึกซึ่งได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางเกษรา นางเสาวคนธ์ จึงร่วมมือกับญาติพี่น้องอื่นๆ ทำศึกเพื่อชิงตัวสามีและคนรักคืนการศึกจบลงด้วยการที่ฤาษีเกาะแก้วพิสดารไกล่เกลี่ยให้ทุกคนรักใคร่ให้อภัยกัน ในตอนท้ายเรื่องมีศึกระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกาอีกครั้ง เมื่อมังคลาลูกนางละเวงและพระอภัยมณีร่วมมือกับวรายุดา วายุพัฒน์ หัสกัน ลูกศรีสุวรรณ สินสมุทร และสุดสาครที่เกิดกับมเหสีฝ่ายเมืองลังกาชิงโคตรเพชรจากเมืองการะเวกและจับตัวนางสุวรรณมาลีและธิดาแฝดไปขังไว้ ศึกครั้งหลังจึงเป็นการสู้รบระหว่างพ่อ แม่ และลูกๆ ของตน
                จะเห็นได้ว่าแม้เรื่องราวจะเกี่ยวพันกับพระอภัยมณีเป็นส่วนใหญ่ จนกล่าวได้ว่าตัวพระอภัยมณีเป็นเสมือนด้ายที่ร้อยเอาตัวละครอื่นๆ และพฤติกรรมทั้งหลายในเรื่องไว้ด้วยกัน เพราะตัวละครทุกตัวและเหตุการณ์แทบทุกเหตุการณ์จะต้องผูกพันเกี่ยวเนื่องกับตัวละครนี้ทั้งสิ้น แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระอภัยล้วนมาจากการกระทำของตัวละครหญิง และเป็นเรื่องราวที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่นางผีเสื้อสมุทรจับตัวพระอภัยไปอยู่กินด้วยกันจนมีลูกคือสินสมุทร นางเงือกช่วยพาพระอภัยมณีหนีมาได้ นางวาลีช่วยให้พระอภัยได้อภิเษกกับนางสุวรรณมาลี สงครามระหว่างเมืองผลึกและเมืองลังกามีมูลเหตุจากนางวาลีทำให้เจ้าลังกาและอุศเรนเสียชีวิต  นางละเวงจึงทำศึกแก้แค้นแทนพ่อและพี่ชาย ในการทำสงคราม ตัวละครหญิงแทบทุกตัวมีบทบาทในการต่อสู้ทำสงครามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวละครชาย มีความสามารถในการบัญชาการรบและการใช้อาวุธต่างๆ ในการสู้รบโดยยังอยู่ในร่างผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องแปลงร่างเป็นชายเหมือนอย่างวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ เพียงแต่แต่งตัวรัดกุมสะดวกในการต่อสู้ ไม่เพียงแต่ตัวละครเอกเท่านั้นแม้ทหารทั่วไปก็ใช้ทหารหญิง เช่น นางละเวงฝึกหัดผู้หญิงเป็นทหารรักษาพระองค์ถึง 3,000 คน ตัวละครหญิงฝ่ายเมืองผลึกก็เป็นแม่ทัพทั้งสิ้น ได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางวาลี นางเสาวคนธ์ และมีชื่อเสียงเลื่องลือว่า “หญิงผลึกศึกกล้าเสียกว่าชาย” ตัวละครหญิงในวรรณคดีเรื่องนี้จึงเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์ มีบทบาทเท่าเทียมฝ่ายชาย และมีอิทธิพลเหนือตัวละครฝ่ายชายอย่างเห็นได้เด่นชัด
                อย่างไรก็ตาม ตัวละครหญิงในนิทานคำกลอนเรื่องนี้ยังมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับนางเอกในวรรณคดีไทยทั่วไป คือ มีความจงรักภักดีต่อสามีอย่างยิ่ง แม้ว่าก่อนการอภิเษกทุกคนล้วนใจเด็ด ตัดรอนฝ่ายชายอย่างไม่แยแส เช่น นางสุวรรณมาลีหนีพระอภัยไปบวช นางเสาวคนธ์หนีสุดสาครไปเมืองวาหุโลมแปลงเพศเป็นฤาษี นางอรุณรัศมีไม่ยอมเข้าหอกับสินสมุทร นางละเวงไม่ยอมเป็นเมียพระอภัยจนพระอภัยทำอุบายผูกคอตาย เป็นต้น แต่หลังจากเป็นชายาแล้ว ตัวละครหญิงเหล่านี้ต่างรักใครภักดีสามี นางสุวรรณมาลียกทัพตามมาทำศึก แม้จะต้องฟังพระอภัยซึ่งถูกเสน่ห์กล่าววาจาตัดรอนอย่างเชือดเฉือนใจจนสลบไปหลายครั้ง นางก็ยังอดทน มุมานะ ทำศึกชิงพระอภัยคืนให้ได้ตัวละครหญิงเกือบทุกตัว ยกเว้นนางเกษราจึงเป็นตัวของตัวเอง มีพฤติกรรมตามบุคลิกลักษณะของตนและมีบทบาทต่อการดำเนินเรื่องทั้งสิ้นในบรรดาตัวละครหญิงเหล่านี้ ผู้เขียนเลือกศึกษานางละเวงวัณฬาเป็นพิเศษกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ เพราะการที่นางได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกาแทนพ่อและพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้นางต้องรับภาระหน้าที่ในการรักษาเกียรติยศของชาติตระกูลโดยตัดสินใจทำสงครามทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิง บทบาทและพฤติกรรมนางละเวงจึงเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินเรื่อง
                นางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีจุดเด่นกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ หลายประการ ได้แก่ด้านสถานะทางสังคม นางละเวงอยู่ในฐานะเป็นกษัตริย์ผู้หญิงมิใช่เป็นเพียงพระมเหสี ในด้านรูปร่างหน้าตา นางละเวงมีชื่อเสียงในด้านความงามไม่แพ้ตัวละครหญิงในวรรณคดีไทยเรื่องอื่นๆ ดังมีคำกล่าวชมความงามของผู้หญิงว่า “รูปร่างอย่างนางละเวง” ในเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่กล่าวชมความงามของนางละเวงมากกว่าตัวละครหญิงเรื่องอื่นๆ เพราะความงามของนางมีส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง เรื่องนางจะทำสงครามกับเมืองผลึกซึ่งเป็นเมืองใหญ่ นางต้องการกำลังสนับสนุน จึงให้วาดรูปส่งไปยังเมืองต่างๆ เชิญชวนให้ร่วมทำสงครามซึ่งจะได้อภิเษกกับนางเป็นบำเหน็จรางวัล รูปเสน่ห์ของนางจึงมีผลทำให้ผู้พบเห็นเกิดความลุ่มหลง สุนทรภู่น่าจะได้ความคิดเรื่องราวการวาดรูปมาจากบทละครเรื่องอิเหนา แต่รูปของนางละเวงเป็นรูปเสน่ห์ด้วย จึงทำให้เจ้าละมานหลงใหลรูปวาดและเมื่อพบตัวจริงก็ถึงกับตะลึงหลงกล่าวชมความงามของนางว่า
เห็นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช                     สถิตอาสน์อำไพวิไลโฉม
ดังดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม                                                งามประโลมลืมองค์หลงตะลึง
เหมือนรูปร่างช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด                                                ทศทิศธาตรีไม่มีถึง
พระกรอ่อนละม่อมเหมือนกล่อมกลึง                                            นิ้วดั่งหนึ่งลำเทียนเจียนประจง
พระโอษฐ์บางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม                                                            ดูไม่อิ่มอกใจให้ใหลหลง
                สินสมุทรเมื่อเห็นนางครั้งแรกก็ยังชมนางว่า “กำดัดงามทรามสงวนนวลละออง ดูผุดผ่องพิศไปใจรัญจวน” เมื่อต่อสู้กันสินสมุทรคิดจะจับเป็นเพราะเอ็นดูว่าเป็นผู้หญิงและเห็นว่า “งามจริงจริงจิตใจให้ไหวหวาม จะฆ่านางวางวายเสียดายงาม”
                ส่วนพระอภัยซึ่งหลงรูปเสน่ห์ของนางมาก่อน เมื่อเห็นตัวจริงครั้งแรกในสนามรบ ก็นึกรัก พระอภัยชมโฉมนางอย่างคลั่งไคล้ว่า
                                                                                                                พอสบเนตรทรามสงวนนวลหง
สวาทหวังคลั่งคลุ้มใคร่อุ้มองค์                         ตะลึงหลงแลเปล่งดั่งเพ็ญจันทร์
จะพิศไหนให้เห็นเหมือนเช่นรัก                    วิไลลักษณ์ล้ำสุรางค์นางสวรรค์
ขนงเนตรเกศแก้มแต้มอำพัน                           เหมือนลูกจันทร์แจ่มผ่องละอองนวล
               
                เมื่อนางละเวงพาพระอภัยไปเมืองลังกาโดยซ่อนตัวอยู่ท้ายรถ พระอภัยต้องแอบดูนางผ่านกระจก โดยอาศัยเพียงแสงจันทร์กระจ่างในเดือนหงาย พระอภัยชมความงามของนางไว้ว่า
สำอางอ่อนกรเกยเขนยหนุน            งามละมุนละม่อมล้วนนวลหง
แต่เสื้อหุ้มพุ่มพวงก็ทรวงทรง                           เห็นแต่องค์พระวิลาวเพียงบาดตา
พระปรางค์ดังปรางทองดูผ่องพวง                  เปล่งดังดวงจันทร์เพ็งเปล่งเวหา
เป็นน้ำนวลช่วนชื่นรื่นวิญญาณ์                       สุดนาสาเสียวทรวงให้ง่วงงง
               
                จะเห็นได้ว่าหลังจากพบนางละเวงแล้ว พระอภัยมณีคลั่งไคล้ไหลหลงนางละเวงมากและยาวนานจนเป็นเหตุของการรบที่ยืดเยื้อ การลุ่มหลงจึงเป็นการหลงรูปโฉมที่แท้จริง ไม่ใช่หลงด้วยอำนาจรูปเสน่ห์ เพราะสุดสาครทำลายรูปเสน่ห์ไปแล้ว และการที่กวีอ้างถึง “เสกสุคนธ์ปนยาแก้วตามนุษย์” ก็เป็นการอาศัยอำนาจไสยศาสตร์ลึกลับมาเป็นข้ออ้างของการประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ของตัวละครฝ่ายชายนั่นเอง กลวิธีเช่นนี้นิยมใช้ในการดำเนินเรื่องของวรรณคดีไทยโดยทั่วไป สินสมุทรรู้ใจพ่อของตนเองดีว่ามีลักษณะนิสัยหลงใหลในหญิงงาม หรืออาจกล่าวได้ว่าสินสมุทรรู้ใจผู้ชายทุกคน เพราะสินสมุทรก็หลงความงามของนางละเวงมาแล้ว แต่คิดว่า “พี่สาวใหญ่เพียงแต่ดูไม่คู่ควร” ฉะนั้นเมื่อพระอภัยจะออกไปรบกับนางละเวง สินสมุทรจึงเตือนพ่อไว้ว่า
                                                                                                                                การโลกีย์พระก็รู้อยู่แต่ไร
                                แม้นขึ้นรบผู้หญิงชาวสิงหล                                             อย่าแปดปนทำเป็นมิตรพิสมัย
                                จะนัวเนียเสียการรำคาญใจ                                                ใครเห็นให้ฆ่าฟันเสียทันที
                ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือนางละเวงเป็นตัวละครหญิงที่มีความงามกดดันทางจิตใจสูงกว่าตัวละครหญิงอื่นๆ นางสุวรรณมาลี นางเสาวคนธ์ นางอรุณรัศมี เป็นตัวละครหญิงที่มีความขัดแย้งในใจด้วยเหตุผิดใจหึงหวงคนรักของตน ความแค้นใจของนางสุวรรณมาลีเริ่มจากพระอภัยไม่กล้ายืนยันกับอุศเรนว่ารักนาง หลังจากเสร็จศึกกับอุศเรนแล้ว นางจึงหนีไปบวชเพื่อหลีกเลี่ยงการอภิเษก นางวาลีจึงต้องช่วยพระอภัยแก้ปัญหาได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีเหตุหึงหวงนางละเวงจนทำศึกยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน นางอรุณรัศมีโกรธสินสมุทรที่ไปหลงนางยุพาผกา จุงกรีดเลือดทำสัตย์สาบานกับนางเสาวคนธ์ว่าชาตินี้ไม่ขอมีคู่ครองเลย นางจึงไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกกับสินสมุทรจนถูกพ่อแม่ตายายบังคับ เมื่ออภิเษกแล้วก็ไม่ยอมเข้าหอจนนางสุวรรณมาลีต้องสอนอุบายให้สินสมุทรเอาชนะใจนางอรุณรัศมีได้สำเร็จ ส่วนนางเสาวคนธ์ผูกใจเจ็บสุดสาครตั้งแต่นางสุลาลีวันลอบพาตัวสุดสาครไปแล้วปลอมลายมือสุดสาครเขียนสารด่าว่าตัดรอนนางเอาไว้ นางเสาวคนธ์เก็บจดหมายนี้ไว้กับตัวเป็นเครื่องเตือนใจและไม่เคยปริปากบอใครเลย  จนกระทั่งเสร็จศึก พ่อแม่จัดการให้อภิเษกกับสุดสาคร นางหนีไปพร้อมกับทิ้งศาลนั้นไว้คนทั้งหลายจึงเข้าใจเหตุผล สุดสาครต้องติดตามหานางและใช้เวลายาวนานกว่าจะง้องอนให้นางคืนดี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดกับตัวละครหญิงเหล่านี้ เป็นความขัดแย้งด้วยปัญหาส่วนตัว แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับนางละเวงเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอารมณ์ส่วนตัวกับพันธะหน้าที่ ความรักพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรูทำให้นางละแวงเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจตลอดเวลา นางจึงรับศึกหนักกว่าผู้อื่น คือศึกสงครามภายนอกที่นางเป็นผู้บัญชาการรบ และศึกในใจที่นางต้องข่มความหวั่นไหวด้วยความอดทน นางละเวงจึงเป็นตัวละครที่น่าศึกษา เพราะนางไม่ใช่ตัวละครที่สุนทรภู่สร้างขึ้นเพื่อดำเนินเหตุการณ์เพียงตอนใดตอนหนึ่ง แต่นางมีบทบาทและพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นและเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องเข้าด้วยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล นางเป็นน้องสาวของอุศเรน ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลี เมื่อพ่อและพี่ชยเสียชีวิตด้วยน้ำมือคนเมืองผลึก นางจึงทำสงครามกับคนเมืองผลึกเป็นการแก้แค้น ความรักพระอภัยและความต้องการแก้แค้นผู้หญิงเมืองผลึกจึงทำให้นางใช้เสน่ห์ผู้หญิงลวงกษัตริย์เมืองผลึกทุกคนยกเว้นหัสไชยมาอยู่ที่เมืองลังกา ตอนที่นางแอบพาพระอภัยเข้าวังเป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจของนางอย่างชัดเจนตอนหนึ่ง ระหว่างความรักพระอภัยกับความอายที่ทำผิดจารีตจึงต้องปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ความจริง ในตอนท้ายเรื่องเมื่อทำสงครามกับมังคลาลูกของตนเองก็เป็นตอนที่แสดงความขัดแย้งในใจนางระหว่างความรักลูกกับการลงโทษลูกเพื่อแก้ปัญหาที่ลูกทำให้ผู้อื่นเดอดร้อนละเป็นทุกข์
                ลักษณะเด่นประการสุดท้ายของนางละเวงคือ ในแง่โครงเรื่องนางละเวงเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์กับตัวละครอื่นๆ ในฐานะที่เป็นคู่สงครามกับเมืองผลึก แต่ถึงแม้จะเป็นตัวละครฝ่ายปฏิปักษ์ สุนทรภู่ก็มิได้แสดงว่านางเป็นตัวละครที่ชั่วร้าย การก่อสงครามเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความจำเป็นตามที่กล่าวมาแล้ว การช่วงชิงพระอภัยมณีจากนางสุวรรณมาลีก็เป็นภาวะที่บีบคั้นความรู้สึก แต่เพราะความเป็นกลศึกที่จะเอาชนะศัตรู อย่างหนึ่งกับเพราหลงรักพระอภัยมณีอีกอย่างหนึ่งทำให้นางละเวงเลือกทำเช่นนั้น บทบาทและพฤติกรรมของนางละเวงจึงสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของนาง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นลักษณะนิสัยของตัวละครผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของนิทานคำกลอนเรื่องนี้ทุกตัว ดังจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและบทบาทของพฤติกรรมตัวละครนี้โดยละเอียด ดังนี้
1.              ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี
                นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาของพระอภัยมณีอีกผู้หนึ่ง นางเป็นธิดาของเจ้าเมืองลังกาและเป็นน้องสาวของอุศเรนคู่หมั้นของสุวรรณมาลี ภายหลังจากพ่อและพี่ตายเพราะแพ้สงครามกับเมืองผลึกของพระอภัยมณีกับสุวรรณมาลี นางจึงต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองลังกา ตั้งแต่อายุ 16 ปี ละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีรูปโฉมงดงามยิ่ง แม้แต่รูปวาดของนางก็ยังทำให้พระอภัยมณีหลงใหลถึงกับพร่ำเพ้อ ต่อมาเกิดสงครามกับเมืองผลึกอันสืบเนื่องมาจากความแค้น และด้วยการยุยงของสังฆราชให้นางแก้แค้นให้กับบิดาและพี่ชาย ครั้นเมื่อพบกับพระอภัยมณีในสนามรบ ต่างก็มีจิตผูกพันรักใคร่ต่อกัน ต่อมานางได้เป็นชายาของพระอภัยมณีและมีลูกชื่อ มังคลา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
                ความซื่อสัตย์ต่อสามี
                ในฐานะภรรยา นางละเวงวัณฬาเป็นภรรยาที่รักและซื่อสัตย์ต่อสามี ถึงแม้ว่าพระอภัยมณีจะเป็นศัตรู แต่เมื่อนางเป็นภรรยาก็เคารพยกย่องให้เกียรติสามี แม้จะห่างเหินกันไปเป็นเวลานาน นางก็ยังคงซื่อสัตย์ และเคารพยกย่องต่อพระอภัยมณีเสมอ ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พระอภัยมณีเข้าเมืองลังกา เมื่อปราบมังคลาที่ก่อความวุ่นวายสั่งให้คนไปจับคุมตัว นางสุวรรณมาลี นางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดา และท้าวทศวงศ์มาคุมขังไว้ที่ด่านดงตาล จึงเกิดสงครามขึ้นเมื่อฝ่ายลังกาพ่ายแพ้มังคลาหนีไป พระอภัยมณีจึงได้พบกับนางละเวงวัณฬา และนางได้แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อสามี ดังความว่า
นางเคารพนบนอบตอบสนอง                          พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา
ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา                                  ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย
แต่ห่างเหินเนิ่นนานหม่อมฉานเล่า                                มีลูกเต้ามัวหมองไม่ผ่องใส
เคยชิดชมขมหวานประการใด                          มิใช่ไม่เคยเห็นจงเอ็นดู
สิบแปดปีนี่แล้วแต่เป็นม่าย                               จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู
มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู                 คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น
เมื่อรุ่นสาวคราวพบต้องรบผัว                          ครั้นแก่ตัวรบกับลูกถูกแต่เข็ญ
แสนอาภัพรับแต่ร้อนไม่หย่อนเย็น                 พระก็เห็นก็รู้อยู่ด้วยกัน
แม้ใช้งานการอื่นไม่ขืนขัด                                จะซื่อสัตย์สุจริตไม่ผิดผัน
โปรดปล่อยปละละวางที่อย่างนั้น                    กระหม่อมฉันหลาบเข็ดจงเมตตา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:921-922)
                ต่อมาเมื่อพระอภัยมณีตัดสินใจออกบวช นางละเวงวัณฬาก็ตัดสินใจบวชเพื่อตามไปปรนนิบัติสามี ด้วยความจงรักภักดีพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ดังความว่า ต่างทูลว่าข้าขอรับบรรพชิต พอเป็นศิษย์สามิภักดิ์สมัครหมาย” (พระอภัยมณี. 2529:934) พระอภัยมณีจึงทำพิธีบวชให้ ดังความว่า
ฝ่ายสองนางต่างบังคมด้วยสมนึก                    ลงมาตึกเตียงทองเข้าห้องสรง
ต่างชำระสระสนานสำราญองค์                       แล้วก็ทรงเครื่องพรตดาบสินี
ชฎากลีบจีบจัดฉวัดเฉวียน                 ล้วนขาวเขียนลายทองผุดผ่องศรี
ประคำพลอยห้อยพระศอจรลี                           ไปนั่งที่แท่นสุวรรณริมบัลลังก์
ดาบสพระอภัยให้ศีลห้า                                     ว่านำหน้านางชีว่าทีหลัง
จนจบปัญจสีลาสิกขาปทัง                  สองนางนั่งกราบงามลงสามที
แล้วนั่งเคียงเรียงกันเป็นหลั่นลด                     รักษาพรตงดงามสามฤาษี
จอมกษัตริย์ถาถามตามบาลี                               นางก็รับสัพพีด้วยปรีดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:935)
2.              ความมีสติปัญญา
                นางละเวงวัณฬาเป็นผู้ที่มีสติปัญญา เห็นได้จากการประพฤติปฏิบัติ ดังนี้
-              ความฉลาดในการผูกใจคน
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดในการผูกใจคน เห็นได้จากการที่นางให้ความเคารพต่อพระสังฆราชอยู่เสมอ แม้ภายหลังนางจะมีความคิดเห็นต่างออกไป และไม่พอใจพระสังฆราชหลายประการ แต่นางก็สามารถผูกใจพระสังฆราชให้อยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ทั้งนี่เพราะนางยกย่องพระสังฆราชให้เป็นอาจารย์ และเป็นที่ปรึกษาราชการ และเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเห็นจากตอนที่นางละเวงวัณฬาขึ้นปกครองเมืองลังกาใหม่ๆ ก็ไม่ได้ถือว่าองค์เป็นกษัตริย์ และขอคำปรึกษาจากพระสังฆราช ดังความว่า
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่ากว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
ซึ่งทิ้งตราราหูเรียนรู้หญิง                                  ทั้งสองสิ่งสุดจะแปลจะแก้ไข
พระโปรดด้วยช่วยแสดงให้แจ้งใจ                   แต่พอให้แก้แค้นแทนบิดา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                ในการที่นางละเวงวัณฬาแต่งตั้งให้นางรำภาสะหรี เป็นนายด่านแทนบิดาซึ่งเสียชีวิตในสงคราม และให้การยกย่องเป็นเหมือนพี่น้องกับตน ทำให้นางรำภาสะหรีมีความเคารพรักและจงรักภักดีต่อนางตลอดมา แสดงให้เห็นว่า นางละเวงวัณฬามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดรู้จักผูกใจคน ดังความว่า

                                ฝ่ายโฉฒยงองค์ละเวงวัณฬาราช                      แสนฉลาดล้ำหญิงในสิงหล
                                จึงเสแสร้งแกล้งตรัสให้จัดพล                          คอยประจญประจัญรอบขอบเวียงชัย
                                แล้วพิศพักตร์ลักษณารำภาสะหรี                     ดังสำลีลำยองดูผ่องใส
                                รู้รบศึกฝึกฝนทำกลไก                                        จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เป็นไมตรี    
                                จึงให้หามาใกล้ปราศรัยปลอบ                          เจ้าทำชอบช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี
                                จะรักใครกันให้เหมือนเพื่อนชีวี                      นึกว่าพี่น้องกันจนวันตาย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:438)
-              ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ความฉลาดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนางละเวงวัณฬาเห็นได้จากตอนที่นางละเวงวัณฬาต่อสู้กับพระอภัยมณีในสนามรบ เมื่อพระอภัยมณีเห็นหน้านางละเวงอย่างใกล้ชิดก็หลงรัก จึงยุติการต่อสู้ เปลี่ยนมาใช้คารมเกี้ยวนางละเวงวัณฬาแทน แต่นางควบม้าหนี พระอภัยมณีจึงใช้เพลงปี่เรียกนางให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความมีสติปัญญานางจึงคิดด้วยเหตุและผล ตลอดจนความสำนึกในหน้าที่ นางจึงตัดสินใจควบม้าหนี เพราะนางทราบดีว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปอาจจะใจอ่อนต่อคารมของพระอภัยมณี แสดงให้เห็นว่านางละเวงวัณฬามีสติ และรู้จักใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จนสามารเอาตัวรอดได้ ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                นางละเวงวัณฬามีความฉลาดเฉลียวเมื่อฝ่ายลังกาตกเป็นรองฝ่ายผลึก นางก็วางแผนให้พระอภัยมณีซึ่งหลงเสน่ห์นางมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน
                                แต่ครั้งนี้มีอุบายให้ตายจิต                                  ก็สุดคิดขัดสนจนหนักหนา
                                จะรบรับสัประยุทธ์สุดปัญญา                           จึงทำกล้าแกล้งถามตามทำนอง
                                ท่านนี้หรือชื่ออภัยจะใคร่รู้                                ที่ชิงคู่ไปชมประสมสอง
                                พระเชษฐาปรานีเหมือนพี่น้อง                        ยังขัดข้องคิดทำลายให้วายชนม์
                                แล้วมิหนำซ้ำตามข้ามสมุทร                             มายงยุทธ์กับผู้หญิงถึงสิงหล
                                ครั้นหักโหมโจมจับไม่อับจน                           กลับแต่งกลเกี้ยวพานด้วยมารยา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างชมพูต่อสู้รบ                          หรือจึงคบคิดรักกันหนักหนา
                                อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเมืองลังกา                       จะเมตตาเพราะมีไมตรีกัน
                                ประการหนึ่งซึ่งกษัตริย์กำจัดทัพ                      แม้นคนหลับแล้วไม่ฆ่าให้อาสัญ
                                ย่อมรบสู้ดูดีตีประจัญ                                          เออเช่นนั้นหรือจะลือว่าชื่อชาย
                                นี่พระองค์ทรงศักดิ์รักแต่ทรัพย์                        ทำให้หลับแล้วก็ริบให้ฉิบหาย
                                จะผูกมิตรชิดเชื้อให้เหลืออาย                           ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:395)
3.              ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
                นางละเวงวัณฬา มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทั้งเรื่องความรักและเรื่องการปกครองบ้านเมือง พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนาง เห็นได้ชัดเจนในตอนที่พบกับพระอภัยมณีในสนามรบ นางก็หลงรักแต่ด้วยความเป็นกษัตริย์ จึงตัดใจไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพระอภัยมณีซึ่งเป็นศัตรู จึงควบม้าหนีไป แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬา ดังความว่า

                                นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์                         กลับชักม้าควบกลับไปลับองค์
                                อ้อมออกทางข่างเข้าให้เศร้าจิต                         แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง
                                อันลมปี่นี้ละลายให้งวยงง                 สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว
                                ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง                                 ฉวยพลั้งเพี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:397)
                ความเด็ดเดี่ยวของนางละเวงวัณฬาในเรื่องของความรัก เห็นได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อนางได้วางแผนพาพระอภัยมณีเข้ามาอยู่ในวังด้วยอุบายทางการศึก แม้ว่าพระอภัยมณีจะพูดจาฝากรักอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ยอมให้พระอภัยมณีล่วงเกิน แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวไปกับถ้อยคำเกี้ยวพาราสี และหาทางเลี่ยงหลบไปได้ ดังความว่า
                                พระว่าพลางกางกรประคองกอด                     เยาวยอดข่วนหยิกผลักพลิกผัน
                                นางว่าพระจะมารุกทำบุกบัน                            เถิดเช่นนั้นแล้วก็ลึกอย่านึกเลย
                                น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ                ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย
                                จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย                 อย่าคิดเลยว่าจะจับได้ด้วยมือ
                                ที่เมืองใหม่ได้พบได้รับรับ                                พระยังจับน้องไม่ได้ลืมไปหรือ
                                ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ                                   ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที
                                พระรักใครใจน้องยังครองสัตย์                        ใช่จะขัดคิดอางขนางหนี
                                จะรั้งรอพอให้รุ่งคืนพรุ่งนี้                                ศึกจะตีมากระทั่งถึงลังกา
                                แม้โปรดปรานห้ามทัพให้สรรพเสร็จ             ศึกสำเร็จและวจะรักให้หนักหนา
                                แม้หลีกเลี่ยงอีกทีนี้พระพี่ยา                             จึงเข่นฆ่าน้องเสียบ้างให้วางวาย
                                จงผ่อนผันวันเดียวค่อยเหนี่ยวหน่วง               ไม่ล่อลวงเลยน้องจะกองถวาย
                                สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย                      อย่าให้อายอัปยศจงอดออม
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:488)
                นางละเวงวัณฬาเป็นกษัตริย์ที่มีความสง่างาม มีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัว และมีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเห็นได้จากตอนที่พวกโจรจะเข้ามาทำร้าย นางจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้โจรเกรงกลัว แม้ว่าจะเป็นหญิงซึ่งเดินทางมาโดยลำพัง แต่ก็มีความองอาจ กล้าหาญ เชื่อมั่นในตนเอง กล้าเผชิญหน้ากับโจร ไม่หลบหนี ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้นำอย่างแท้จริง ดังความว่า
                                จำจะบอกออกความนามกษัตริย์                       เจ้าจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล
                                มันอาศัยในแผ่นดินสิ้นทุกคน                          ถึงอับจนก็ไม่ควรจะลวนลาม
                                ดำริพลางนางกษัตริย์ตรัสประภาษ                  ท่านเชื้อชาติชาวไพรมาไต่ถาม
                                อันตัวเราเจ้าลังกาล่าสงคราม                            หลงมาตามทางเถื่อนให้เฟือนใจ
                                ท่านเอ็นดูรู้แห่งจงแจ้งจิต                                  อย่าคบคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน
                                ช่วยนำเราเข้าไปเพียงพระเวียงชัย                   จะตั้งให้เป็นขุนนางได้รางวัล
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-406)
                นอกจากนั้น นางละเวงวัณฬาได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในด้านการเมือง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในตอนที่นางละเวงวัณฬาส่งสาส์นท้ารบถึงพระอภัยมณี โดยเอาเมืองลังเป็นเดิมพัน ชี้ให้เห็นถึงลักษณะของผู้นำที่มีความกล้าหาญองอาจ ดังความว่า
                                ในสาราว่าพระองค์ดำรงราชย์                          บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์
                                ทรงพระนามตามยศทศธรรม์                           ละเวงวัณฬาลบภพไตร
                                บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก                             ประเทศทุกภาษาได้อาศัย
                                แต่รบรับกับองค์พระอภัย                                  สงสารไพร่พลตามเสียก่ายกอง
                                เหมือนโจรไพรไม่มีอิสริยศ                              จะปรากฏความชั่วให้มัวหมอง
                                คิดจะขอต่อตีกันพี่น้อง                                       สองต่อสองสงครามตามโบราณ
                                เราเพลี่ยงพลั้งลังกาอาณาเขต                           เป็นของเชษฐาสิ้นทุกถิ่นฐาน
                                เราชนะจะเอาสัตย์ปฏิญาณ                               แล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวา
                                ถึงวอดวายภายหลังได้สรรเสริญ                      จะอยู่กินกัปกัลป์ชนษา
                                แม้ไม่สู้ผู้หญิงทิ้งศัสตรา                                    ก็เลิกทัพกลับไปหานางมาลี             
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-449)
                ความใจเด็ดของนางละเวงวัณฬา ปรากฏให้เห็นอีกครั้งเมื่อมังคลาทำให้เกิดศึกชิงโคตรเพชร สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว แม้ว่านางจะรักลูกมาเพียงใด แต่นางก็ไม่ยอมตามใจลูกในทางที่ผิด เมื่อมังคลาทำผิดนางก็ไม่เข้าข้างและยอมให้ลูกได้รับโทษ แสดงให้เห็นว่านางเป็นคนใจเด็ด รักความถูกต้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม และประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังตอนที่นางละเวงวัณฬาได้กล่าวกับท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลี หลังจากที่นางได้ช่วยท้าวทศวงศ์และนางสุวรรณมาลีพร้อมด้วยธิดา สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดา ออกจากที่คุมขัง ดังความว่า
                                วัณฬาสารภาพพึ่งทราบเกล้า                            ว่าลูกเต้าเจ้ากรรมทำข่มเหง
ไม่บอกแม่แต่มันคิดกันเอง                                               ไม่ยำเยงเกรงพระราชอาชญา
แต่ลูกนี้มิได้เป็นใจด้วย                                                       จะคิดช่วยกำจัดตัดเกศา
ทั้งสององค์ทรงธรรม์จงกรุณา                                          แต่ตัวข้านี้ได้โปรดยกโทษทัณฑ์
ที่ลูกหลานพาลผิดคิดขบถ                                 มันคนคดควรฆ่าให้อาสัญ
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:405-866)
4.              ความอ่อนน้อมถ่อมตน
                นางละเวงวัณฬาขึ้นเป็นกษัตริย์ ครองเมืองลังกาตั้งแต่วัย 16 ปี ในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำหรับนาง แต่เมืองลังกามีสังฆราชบาทหลวงที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมาโดยตลอด เมื่อขึ้นปกครองเมืองลังกา แล้วนางก็ให้ความเคารพนบนอบต่อสังฆราช โดยไม่ถือว่าตนมีสถานภาพสูงกว่าแต่อย่างใด
                พฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นผลให้สังฆราชอยู่ช่วยราชการแผ่นดินของนางมาโดยตลอด ดังความว่า
                                นางละเวงเกรงพระต้องละยศ                          สละลดส่วนไหมสไบเฉียง
                                บรรดาเหล่าสาวศรีพระพี่เลี้ยง                          อยู่แค่เพียงชั้นล่างห่างห่างกัน
                                บาทหลวงเฒ่าเข้าใจไถลถาม                             มาอารามรูปทำไมไอศวรรย์
                                ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์                          จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร
                                ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย                                   ทั้งร่างกายกว่าชีวาตม์จะขาดสูญ
                                ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล                             ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:318)
                นอกจากนี้ นางละเวงวัณฬายังยอมรับว่า ตนเองไม่มีความพร้อมที่จะเป็นกษัตริย์ ทั้งนี้เพราะมีความรู้น้อยในการปกครอง และต้องมาเป็นแม่ทัพ นางก็ต้องยอมรับฟังคำแนะนำหรือขอคำปรึกษาจากเสนาอำมาตย์ แสดงให้เห็นว่านางมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อไม่มีความรู้ในเรื่องใดก็ยอมรับและจะขอคำแนะนำจากผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะมีสถานะต่ำกว่าก็ตาม ดังความว่า
                                เราขอบคุณขุนนางต่างตำแหน่ง                       ช่วยตบแต่งให้บำรุงซึ่งกรุงศรี
                                อายุเราเพิ่งได้สิบหกปี                                        เป็นสตรีไม่ชำนาญการสงคราม
                                แต่สุดแสนแค้นเคืองเมืองผลึก                         จะทำศึกสิ้นชีวิตไม่คิดขาม
                                ขอปัญญาข้าเฝ้าอย่าเบาความ                            จะปราบปรามเมืองผลึกช่วยตรึกตรา
                                                                                                                (พระอภัยมณี. 2529:315)





บรรณานุกรม
วิกรานดา โชติช่วงรัศมี. 2548. การวิเคราะห์จริยธรรมของตัวละครในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี.               
สารนิพนธ์ (กศ.ม.) สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.